AION มอบของขวัญสุดพิเศษสำหรับวันปีใหม่ ประกาศปรับราคาจำหน่าย AION Y Plus 490 Premium อย่างเป็นทางการกว่า 100,000 บาท

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 หรือวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา GAC AION ประกาศปรับราคาจำหน่ายที่แนะนำอย่างเป็นทางการ สำหรับรถยนต์ AION Y Plus 490 Premium รุ่นยอดฮิตในไทย ปรับลดมากกว่า 100,000 บาท จากราคาปกติ 1,099,900 บาท ลดเหลือเพียง 995,900 บาทเท่านั้น (ลูกค้าที่จองรถภายในปี 2023 จะได้รับส่วนลดนี้เช่นเดียวกัน) โดย GAC AION ถือเป็นแบรนด์แรกที่มอบส่วนลดเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับลูกค้าในช่วงวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน ความสำเร็จที่ GAC AION ได้รับนั้นก็เป็นกระแสเป็นอย่างมาก เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา GAC AION ทำลายสถิติการเติบโตของยอดจำหน่ายรถยนต์ด้วยยอดจำหน่ายกว่า 480,000 คันในปี 2023 เพิ่มขึ้นกว่า 77% เมื่อเทียบเป็นรายปี

การเติบโตอย่างรวดเร็ว และยอดขายที่ถล่มทลายของ GAC AION ทำให้เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยความพร้อมในด้านเครือศูนย์วิจัยและพัฒนาในหลายประเทศทั่วโลก การควบคุมต้นทุนขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ และระบบห่วงโซ่อุปทาน ประกอบกับโรงงานผลิตรถยนต์อัจฉริยะระดับโลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและวิธีการผลิตรถยนต์ของ GAC AION ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง ทำให้ GAC AION พร้อมเดินหน้าสู่การพัฒนาไปอีกขั้น

สื่อมวลชนไทยเชื่อว่า “การปรับราคาจำหน่ายที่แนะนำอย่างเป็นทางการของ GAC AION ในครั้งนี้ จะทำให้ AION Y Plus 490 Premium เพิ่มระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดได้เป็นอย่างมาก จนกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า SUV ราคา 1 ล้านบาทที่คุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะการปรับโปรโมชั่นของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทำให้รถยนต์บางรุ่นของแบรนด์คู่แข่ง อาจต้องเผชิญกับการปรับขึ้นของราคา”

ซึ่งกระแสการปรับราคาในครั้งนี้ ได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภคชาวไทย อีกทั้งมีลุกค้ารายหนึ่งกล่าวว่า “การลดราคา GAC AION ครั้งนี้ไม่เพียงเจาะกลุ่มผู้ใช้รายใหม่เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่จองในปี 2023 อีกด้วย การปรับราคาในครั้งนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมาก และเราก็รอดูยอดขายถล่มทลายของ AION Y Plus 490 Premium”

GAC AION ขอบคุณทุกความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้บริโกคชาวไทยและอีกหลายล้านคนทั่วโลก ภารกิจหลักของ GAC AION คือการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงซึ่งสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทั่วโลก และอนาคตในปี 2024 GAC AION จะยังคงดำเนินกลยุทธ์ปักฐานลงทุนในประเทศไทยต่อไป

ปัจจุบัน GAC AION กำลังเดินหน้าพัฒนาระบบการผลิต การขาย และการบริการในประเทศไทยอย่างเต็มที่ โดย GAC AION ได้ตั้งโรงงานในประเทศไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดระยอง ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 2,300 ล้านบาท โดยการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า GAC AION ในไทยจะแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 20,000 คันต่อปี และเฟสที่ 2 จะเพิ่มเป็น 50,000 คัน คาดว่าเฟสแรกจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคมปีนี้

มีรายงานว่า ในปี 2024 GAC AION จะมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆออกสู่ตลาดอีกหลายรุ่น ด้วยการเปิดตัวโรงงานแห่งใหม่และการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทาง GAC AION จะมีการนำเสนอทางเลือกของรถยนต์รุ่นต่างๆมากยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทย และมอบรูปแบบการเดินทางสีเขียวที่ทันสมัย เพื่อร่วมกันสร้างชีวิตที่ดีไปกับ AI

“อองฟองต์” จับมือศิลปินระดับโลก ออกแบบคอลเลกชันพิเศษต้อนรับปีมังกร 2567 เอาใจลูกค้าเสื้อผ้าเด็กระดับพรีเมียม มอบโปรโมชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รับทองคำมงคล 3 ประการ

“อองฟองต์” ตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดเสื้อผ้าเด็กพรีเมียม บุกตลาดปีมังกร จับมือศิลปินระดับโลก “ยูน ปัณพัท เตชเมธากุล”  ร่วมกันออกแบบคอลเลกชันสุดพิเศษ Enfant Festive Collection มีทั้งเสื้อผ้าสำหรับ “พ่อ แม่ ลูก” ได้ใส่กันเป็นครอบครัว พร้อมเอาใจลูกค้าดึง “ครอบครัวดีน” มาร่วมถ่ายแฟชั่นเซตสุด Exclusive แถมเอาใจคุณพ่อคุณแม่นักช้อปเมื่อสะสมยอดครบทุกๆ 12,900 บาท ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.66 – 29 ก.พ.67 เลือกรับทองคำมงคล 3 ประการ (99.99%) ทันที

นางชุติมา ประเสริฐศรี ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์อองฟองต์ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “อองฟองต์” เป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ทำให้แบรนด์เป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดสินค้าพรีเมียมสำหรับเด็ก และสามารถครองใจคุณแม่จากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่ง “อองฟองต์” เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเด็ก สู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์แม่และเด็กที่หลากหลายและครบครัน ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ในปัจจุบันนี้

และเพื่อเป็นการเอาใจลูกค้า “อองฟองต์” ได้จัดกิจกรรมรับปีมังกร ซึ่งเป็นปีนักษัตรที่เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ และเป็นนักษัตรที่มงคลที่สุดตามความเชื่อจีน “อองฟองต์” จึงออกคอลเลกชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีชื่อว่า Festive Collection เพื่อร่วมเฉลิมฉลองปีมังกร 2567 อย่างยิ่งใหญ่ และตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดเสื้อผ้าเด็กพรีเมียมด้วยการจับมือกับศิลปินไทยชื่อเสียงดังไกลระดับโลกอย่าง คุณยูน ปัณพัท เตชเมธากุล ที่เคยฝากผลงานไว้กับหลายแบรนด์ดัง ไม่ว่าจะเป็น Gucci หรือ Instagram

สำหรับ Enfant Festive Collection มงคลต้อนรับปีมังกรนี้ คุณยูนได้พัฒนาคอลเลกชันร่วมกับทีมอองฟองต์ รังสรรค์ลวดลาย และการใช้สีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณยูน ส่งมอบความพรีเมียมผ่านคัตติ้งที่พิถีพิถัน และนวัตกรรมเนื้อผ้าเฉพาะจากทางอองฟองต์ที่นุ่มสบายและระบายอากาศ เรียกได้ว่าเสื้อผ้าคอลเลกชันนี้ นอกจากจะสวยงามโดดเด่นแล้ว ยังคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ “เสื้อผ้าคุณภาพพรีเมียม” อันเป็นจุดเด่นของเสื้อผ้าเด็กจากแบรนด์อองฟองต์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

“ยูน ปัณพัท เตชเมธากุล” กล่าวถึงคอลเลกชันนี้ว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับทีม Expert อย่างอองฟองต์ที่มีความเข้าใจในสรีระ และผิวอันบอบบางของเด็กไทย ซึ่งสิ่งนี้ ในมุมมองของคุณยูน มองว่าเป็นจุดแข็งที่โดดเด่นมากๆ ของอองฟองต์ เพราะได้มาจากการสั่งสมประสบการณ์มายาวนาน จนมีความเข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้ง ในส่วนของการพัฒนาลายผ้าเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ “มงคลต้อนรับปีมังกร” ก็ได้มีการหยิบตัวอักษร “อังคัง” ซึ่งเป็นชื่อภาษาจีนของอองฟองต์ มีความหมายว่า แข็งแรง สุขภาพดี มาใช้เป็นแรงบันดาลใจ จนกลายมาเป็นลายภาพมังกรเด็กชื่อว่า “อังคัง” อยู่บนเสื้อผ้าในคอลเลกชันนี้

นางชุติมา กล่าวอีกว่า อีกสิ่งที่นับเป็นความพิเศษของคอลเลกชันนี้ที่ทาง อองฟองต์  ตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญพิเศษสำหรับปีมงคล ก็คือ การมีเสื้อผ้าสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อให้พ่อ แม่ ลูก ได้ใส่ร่วมกัน เสริมความมงคลทั้งครอบครัวซึ่งทาง อองฟองต์ ก็ได้ดึงครอบครัวอบอุ่นแห่งปีอย่าง “ครอบครัวดีน” มาร่วมถ่ายแฟชั่นเซตกันทั้งครอบครัวคือ คุณลิเดีย ศรันย์รัชต์, คุณแมทธิว และ น้องดีแลน เดมี ดีออน อีกด้วย

นอกจากนี้ อองฟองต์ ยังมอบโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อเอาใจคุณพ่อคุณแม่นักช้อป เมื่อสะสมยอดครบทุกๆ 12,900 บาท ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.66 – 29 ก.พ.67 สามารถเลือกรับทองคำมงคล 3 ประการ (99.99%) เพื่อเสริมสิริมงคลเพิ่มอีกด้วย

ซูเลียน มอบเงินบริจาคจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับใช้ในโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า

 คุณอัยรินทร์  จุลล์จักรวงศา  กรรมการผู้จัดการ   บริษัท  ซูเลียน (ประเทศไทย)  จำกัด  มอบเงินบริจาค จำนวน 100,000 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับใช้ในโรงพยาบาล โดยมี พญ.ณิชาภา สวัสดิกานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารศรีสุราลัย  โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เมื่อเร็ว ๆ นี้

โฮมโปร ขานรับนโยบายลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt จัดแคมเปญ “HomePro คืนเงินให้ ยิ่งใช้ ยิ่งได้” รับคุ้มคืน 2 ต่อ

โฮมโปร พร้อมตอบรับนโยบายรัฐบาล ชวนคนรักบ้านกระตุ้นเศรษฐกิจลดค่าครองชีพ เปิดศักราชต้นปีใหม่ 2567 นี้ ชวนใช้จ่ายแบบคุ้มค่าในโอกาสสุดพิเศษ ช้อปมาก ยิ่งใช้ ก็ยิ่งได้มาก ไปกับโครงการ
“Easy E-Receipt” เพียงซื้อสินค้าของแต่งบ้านกับ #HomeProคืนเงินให้ #ยิ่งใช้ยิ่งได้ รับจัดเต็มเงินคืน 2 ต่อ ต่อแรก..ช้อปเท่าไหร่ลดหย่อนภาษีเท่านั้น เมื่อซื้อสินค้าและบริการที่ร่วมรายการทุกสาขาทั่วประเทศ รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปี 2567 สูงสุด 50,000 บาท (ตามที่จ่ายจริงสำหรับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์)

ต่อที่สอง..คุ้มค่ายิ่งกว่า !! มอบสิทธิพิเศษเฉพาะโฮมการ์ดเท่านั้น เมื่อชำระเงินเต็มจำนวนผ่านบัตรเครดิต โฮมโปร วีซ่า แพลทินัม รับเงินคืนในโฮมโปร วอลเล็ต ผ่าน HomeCard Application ทันที สูงสุด 1,000 บาท (เมื่อรูดเต็มจำนวน 30,000 บาท/ใบเสร็จ รับเงินคืนในโฮมโปร วอลเล็ต  500 บาท, เมื่อรูดเต็มจำนวน 50,000 บาท/ใบเสร็จ รับเงินคืนในโฮมโปร วอลเล็ต 1,000 บาท จำกัดรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1,000 บาท / 1 หมายเลขบัญชีบัตรเครดิต / 1 หมายเลขโฮมการ์ด / ตลอดรายการ) ระยะเวลารับสิทธิ์ ทุกวันศุกร์, เสาร์, อาทิตย์ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 นี้เท่านั้น (เงินคืนในโฮมโปร วอลเล็ต สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567)

รับความสุข รับเงินคืน แต่งบ้านต่อ คุ้มๆ เปิดรับศักราชใหม่ กับแคมเปญ “HomePro คืนเงินให้ ยิ่งใช้ ยิ่งได้” ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.homepro.co.th / FB: HomePro Thailand / Call Center: 1284

เรื่องบ้าน…ช้อปสไตล์ที่ชอบได้ทุกวันที่ NocNoc พร้อมรับความคุ้มจัดเต็ม 2 ต่อ ได้ส่วนลด+ได้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000.- กับโครงการ “Easy E-Receipt” เริ่มแล้ววันนี้ – 15 ก.พ. 67

NocNoc ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ ขานรับนโยบายรัฐบาล

ช้อปลดหย่อนภาษี ในโครงการ “Easy E-Receipt” ช้อปเรื่องบ้านสไตล์ที่ชอบที่ NocNoc อัดแน่นความคุ้มจัดเต็มถึง 2 ต่อ ต่อที่ 1 ช้อปคุ้มสินค้าแต่งบ้านบน NocNoc รับคูปองส่วนลดต้อนรับปีใหม่ ช้อปครบ 10,000 บาท ใส่โค้ด ‘CASHPD21’ ลดเพิ่มทันที 9% สูงสุด 1,000 บาท และช้อปครบ 20,000 บาท ใส่โค้ด ‘CASHPD22’ ลดเพิ่มทันที 11% สูงสุด 3,000 บาท

ต่อที่ 2 ช้อปคุ้มได้ลดหย่อนภาษี รับสิทธิ์ง่าย ๆ เพียงมองหาร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Easy E-Receipt แล้วช้อปสินค้าในร้านที่ร่วมรายการ ทั้งของแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าปรับปรุงบ้านและอื่น ๆ อีกมากมายให้เลือกหลากหลายแบบหลากหลายสไตล์

ช้อปเสร็จแล้ว กดทักแชทกับร้านค้า พร้อมเตรียมข้อมูล ประกอบไปด้วย ชื่อและนามสกุลที่ตรงตามบัตรประชาชน, ที่อยู่ในการออกใบกำกับภาษี, เบอร์โทรศัพท์ (สำหรับบุคคลธรรมดา ต้องใช้เลขบัตรประชาชน, ชาวต่างชาติ สามารถใช้เป็น Tax ID No. หรือ Personal ID No.) เพื่อขอรับใบกำกับภาษี E-Receipt นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปี 2567 ได้สูงสุดถึง 50,000 บาท !! (ตามที่จ่ายจริงสำหรับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) คลิกช้อปสินค้าแต่งบ้านออนไลน์ สะดวกสบายช้อปได้ทุกที่ทุกเวลาที่ NocNoc ได้แล้ววันนี้ที่ https://bit.ly/3H2PUJu ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 นี้

“HOMEPRO HOMECARD DAY” ส่งมอบความสุข…เหนือระดับ ดีลแรง! ส่งท้ายปี ลดสูงสุด 50% วันที่ 22-24 ธ.ค.66 (3 วันเท่านั้น!)

สมาชิกโฮมการ์ด ..เตรียมตัวให้พร้อม !! กับมหกรรมช้อปใหญ่ส่งท้ายปี HOMEPRO HOMECARD DAY..ส่งมอบความสุขเหนือระดับ” แจกเดือด.. HOT DEAL สินค้าร่วมรายการลดสูงสุด 50% !! จัดเต็มคูปองส่วนลด รวมมูลค่าสูงสุด 700 บาท กดปุ๊ปรับเลย ผ่าน HomePro Line Connect (จำกัด 2,000 สิทธิ์/วัน) พร้อมรับเพิ่มความคุ้มค่าเรื่องบ้าน พิเศษสำหรับลูกค้าสมาชิกโฮมการ์ด ยิ่งช้อป..ยิ่งฟิน ลด+รับเพิ่มรวมสูงสุดถึง 22% !! (สมาชิกโฮมการ์ด รับส่วนลด 10% เมื่อช้อปเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นที่ร่วมรายการ 4 ชิ้นขึ้นไป และช้อปตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ลดเพิ่มอีก 5% / สมาชิกบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม รับส่วนลด 2 ต่อ สูงสุด 7% ต่อที่ 1 ลดทันที 3% ตั้งแต่บาทแรก ต่อที่ 2 รับเครดิตเงินคืนเข้าโฮมโปรวอลเล็ต รวมสูงสุด 4%

ห้ามพลาด !! ความพิเศษไม่มีหมด ใช้คะแนนรับสิทธิ์อีกต่อ ลดเพิ่มสูงสุด 25% (เมื่อช้อปสินค้าตั้งแต่ 3,000.- ขึ้นไป ใช้คะแนนโฮมการ์ด 1,000 คะแนน แลกรับส่วนลด 12.5% และใช้คะแนนบัตรโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม เท่ายอดซื้อ ลดเพิ่มอีก 13%) พร้อมรับความสุขไม่รู้จบ กับ ผ่อนแรงๆ 0% นานสูงสุด 24 เดือนเฉพาะบัตรสินเชื่อและสินค้าที่ร่วมรายการ

มอบความสุข…เหนือระดับกับประสบการณ์การช้อปสุดพิเศษ ได้ที่… โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศและออนไลน์ ตั้งแต่ 22 – 24 ธันวาคม 2566 นี้ 3 วันเท่านั้น !!

เรื่องบ้าน..โฮมโปร คือคำตอบ

สคส. รับมอบแพลตฟอร์มภาครัฐฯ GPPC เพื่อยกระดับมาตรฐานการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล อย่างมั่นคงและปลอดภัย

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานมอบโล่รางวัล สำหรับหน่วยงานนำร่องพัฒนาแพลตฟอร์มภาครัฐเพื่อรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมได้เป็นประธานร่วมรับมอบแพลตฟอร์มภาครัฐที่ได้พัฒนาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Government Platform for PDPA Compliance: GPPC) ที่ยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมั่นคงและปลอดภัย โดยมีนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์, นายภุชพงค์ โนดไธสง, พลเอกเดชา พลสุวรรณ,ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม ร่วมรับมอบในครั้งนี้ด้วย ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ

โรงพยาบาลพระรามเก้า ตอกย้ำเป็นผู้เชี่ยวชาญรักษาโรคยากซับซ้อน จับมือเกาหลี ร่วมศึกษาการนำ AI มาช่วยพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ พร้อมปูพรมสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เร็ววันนี้

โรงพยาบาลพระรามเก้า ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคยากซับซ้อนและการดูแลสุขภาพก่อนป่วยมากว่า 31 ปี จับมือ บริษัท เนเวอร์ คลาวด์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (Naver Cloud Corp.,) ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้ จัดงาน Digital Healthcare Transformation Conference Bangkok 2023 หรือ DHTC Bangkok 2023 ครั้งที่ 2 แลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ และนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ของสาธารณสุขของประเทศไทยต่อไปในอนาคต ร่วมฉายภาพความคืบหน้าการริเริ่มการบริการทางการแพทย์ระยะไกลผ่าน Line Messenger ของไทยพลิกโฉมการบริการสู่ผู้นำศูนย์การแพทย์ดิจิทัลและบริการแพทย์ระยะไกลผสานเทคโนโลยี AI มาใช้ในการแพทย์ เตรียมการกางแผนเตรียมขยายความก้าวหน้าสู่ต่างประเทศ

นายแพทย์เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีสำหรับการดูแลสุขภาพ เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวช่วยวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสนับสนุนทางการแพทย์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการดูแลรักษา การวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ป่วยเพื่อประกอบการวินิจฉัยโรค การติดตามอาการของผู้ป่วยผ่าน Telemedicine ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการทางการแพทย์ เพิ่มความแม่นยำ ปลอดภัย และสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะขณะนี้เราได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ความต้องการบริการเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น และโรงพยาบาลที่สามารถสร้างความร่วมมือแบบข้ามพรมแดนก็จะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

โรงพยาบาลพระรามเก้า มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำโรงพยาบาลดิจิทัลและในด้านการบริการทางการแพทย์ระยะไกล เพราะบริการทางการแพทย์ระยะไกลมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในการให้การดูแลผู้คนในพื้นที่ห่างไกลที่ขาดบริการทางการแพทย์ที่เหมาะสม อีกทั้งประเทศไทย ถือเป็นศูนย์กลางการแพทย์สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี AI ของเกาหลี และไทย จะสามารถสร้างการแข่งขันในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้

ทางด้าน รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง รวีรัตน์ สิชฌรังษี ที่ปรึกษาศูนย์โรงพยาบาลออนไลน์ โรงพยาบาลพระรามเก้า หรือ Praram9V อธิบายเพิ่มว่า “ด้วยประสบการณ์กว่า 31 ปีของโรงพยาบาลพระรามเก้าและความเชี่ยวชาญการการรักษาโรคยากซับซ้อน เราจึงได้รวบรวมองค์ความรู้อันเกิดจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผสานเข้ากับเทคโนโลยีทางการแพทย์ มาใช้เพื่อให้เกิดประประโยชน์อันสูงสุดแก่ผู้ป่วย อาทิ การบทบาทของ AI ในการรักษา เช่น การทำนายโรคจากข้อมูลทางพันธุกรรม หรือการใช้ AI ช่วยในการแปลงภาพทางการแพทย์ เป็นต้น ตลอดจนเพื่อย่นระยะเวลาในการวางแผนการรักษาโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ทางด้าน นายแพทย์วิทยา วันเพ็ญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวเสริมถึงแผนการพัฒนาองค์กรของโรงพยาบาลพระรามเก้าว่า “ทางโรงพยาบาลย้ำจุดแข็งในการเป็น “ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคยากซับซ้อน” ที่ให้บริการครอบคลุมทั้งโรคทั่วไป และโรคเฉพาะทาง โดยการเปิดศูนย์การแพทย์ใหม่ๆ ให้บริการด้านโรคเฉพาะทางแบบครบวงจร พร้อมกับปรับพื้นที่เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้น นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาการบริการให้กระชับและรวดเร็ว รวมถึงการพัฒนาการนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเพิ่มช่องทางการรับรู้ระหว่างผู้บริโภคทั้ง Online และ Offline มากขึ้นเพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันในตลาดที่กำลังดุเดือด

และอีกหนึ่งเป้าหมาย คือมุ่งเน้นการเจาะตลาดใหม่อย่างชาวต่างชาติ อาทิ ชาวอาหรับ กลุ่มประเทศ CLMV ที่เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทยเพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดแผนก International Center และปรับปรุงพื้นที่โรงพยาบาล เพื่อขยายการการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาจากเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับให้โรงพยาบาลพระรามเก้าเป็น One Stop Service ของชาวต่างชาติที่กำลังมองหาโรงพยาบาลดีๆ สักแห่ง และก้าวขึ้นเป็น Medical Hub ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาคได้รับความไว้วางใจในระดับสากลต่อไป” นายแพทย์วิทยา กล่าว

สำหรับงาน Digital Healthcare Transformation Conference Bangkok 2023 หรือ DHTC Bangkok 2023 นี้ จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 20 – 21 ธันวาคม 2566  ซึ่งจัดครั้งที่ 2 โดยทางโรงพยาบาลพระรามเก้าเป็นผู้นำ ในการจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยร่วมกับ บริษัท เนเวอร์ คลาวด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Naver Cloud Corp.,) จากประเทศเกาหลีใต้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ และนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อน การพัฒนาศักยภาพด้านการแพทย์ และการบริการด้านสุขภาพ และเป็นการต่อยอดขยายขีดความสามารถให้มากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของสาธารณสุขของประเทศไทยต่อไปในอนาคต

Jorakay Vietnam ผนึก Prime Group นำไฮไลท์สินค้า กาวซีเมนต์ กาวยาแนว และอุปกรณ์ตกแต่งกระเบื้อง ขยายตลาดวัสดุก่อสร้างไปทางเหนือประเทศเวียดนาม ตอกย้ำเบอร์หนึ่งในภูมิภาคอาเซียน

                                    

Jorakay Vietnam ประกาศความร่วมมือกับ Prime Group ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกในประเทศเวียดนาม ในงาน JORAKAY and PRIME Partner To Grow ผนึกกำลังนำผลิตภัณฑ์จระเข้บุกตลาดวัสดุก่อสร้าง หลังขยายตลาดในประเทศเวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้านทั้งสปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมากว่า 10 ปี ชูสินค้าคุณภาพที่เป็นของแท้และถูกลิขสิทธิ์ของไทย มาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา พร้อมเดินหน้าผลักดันให้เกิดนวัตกรรมการปูกระเบื้องอย่างครบวงจร  

            นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้แบรนด์จระเข้ ผู้นำในการผลิตสินค้าเพื่องานก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่ง ครบวงจรตั้งแต่ฐานรากจนถึงหลังคามากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า “หลังจากที่ผลิตภัณฑ์จระเข้ แบรนด์วัสดุก่อสร้างของคนไทย ได้ออกไปทำตลาดผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมากว่า 10 ปี ปีนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายตลาดในประเทศเวียดนาม โดยได้รับความร่วมมือกับ Prime Group ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกในประเทศเวียดนาม สู่การเป็นพันธมิตรคู่ค้าธุรกิจผ่านโซลูชั่นทางการค้าครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าด้านงานก่อสร้างที่ครบวงจรมากขึ้นในภาคเหนือ ของประเทศเวียดนาม ตลอดจนต้องการให้คนทั่วภูมิภาคของประเทศเวียดนามได้ใช้ผลิตภัณฑ์จระเข้ที่เป็นของแท้และถูกลิขสิทธิ์

“เวียดนามถือว่าเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน จากปัจจัยที่เวียดนามเป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่าง ๆ ขณะเดียวกันยังมีประชากรกว่า 100 ล้านคน ที่มีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยจำนวนมาก และรัฐบาลยังสนับสนุนและกระตุ้นให้อุตสาหกรรมก่อสร้างมีการเติบโตอย่างมาก โดยที่ผ่านมาได้เข้าไปจัดตั้งสำนักงานที่ทางภาคใต้ นครโฮจิมินท์ ภายใต้ชื่อ บริษัท จระเข้ เวียดนาม จำกัด ซึ่งนับเป็น Next Move ครั้งสำคัญ เพื่อยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่นิยมให้คนในประเทศได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของจระเข้ และการร่วมมือกับ Prime Group ครั้งนี้ จะเป็นขยายการทำตลาดในพื้นที่ภาคเหนือของเวียดนามเพิ่มมากขึ้น”

นายศุภพงษ์ กล่าวว่า “ความร่วมมือกันระหว่าง Jorakay Vietnam กับ Prime Group ในครั้งนี้ จะเป็นการผสานจุดแข็งระหว่างทั้ง 2 บริษัท เพื่อขยายตลาดทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ซึ่งจะใช้ศักยภาพและความแข็งแกร่งของสินค้าจระเข้ที่มีคุณภาพสูง อาทิ กาวซีเมนต์ กาวยาแนว และอุปกรณ์ตกแต่งกระเบื้อง โดยมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม ครอบคลุมงานซ่อมแซม งานสร้างบ้าน ไปจนถึงงานตกแต่งแบบครบวงจร ขณะที่ Prime Group ถือว่าเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศเวียดนาม ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูง และปัจจุบันยังมีตัวแทนจำหน่ายกระเบื้องมากกว่า 120 ราย ครอบคลุมพื้นที่ช่องทางการจัดจำหน่ายทั่วประเทศของภาคเหนือ โดยจระเข้มองว่าการร่วมมือกับ Prime Group จะเพิ่มความแข็งแกร่งในภาคเหนือ และขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าเพื่อครอบคลุมและสร้างการเติบโตมากขึ้น

ด้านนายจักรกฤษณ์ สุวรรณศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Prime Group จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือกันในครั้งนี้             มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเติบโตของทั้ง 2 บริษัท เป็นการขยายตัวของธุรกิจที่สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ โดยผลิตภัณฑ์จระเข้เน้นเรื่องของการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าสำหรับงานก่อสร้างและบริการตามมาตรฐานสากล โดยเรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จระเข้จะสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของตลาดเวียดนาม พร้อมยังสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ ซึ่งจากจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัทเมื่อมาผสมผสานกัน ยิ่งทำให้ความร่วมมือเป็น JORAKAY and PRIME Partner To Grow ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งระหว่างกันมากยิ่งขึ้น

“เนื่องจากทาง Prime Group ให้ความสำคัญในเรื่องการขยายตลาดผ่านการพัฒนาช่องทางการขาย โดยเน้นไปลูกค้า Distributor ที่มีกว่า 120 ราย เพื่อเป็นช่องทางในการขยายสินค้าจระเข้ เพื่อให้ครอบคลุมในส่วนของทางการจัดจำหน่ายใน

ภาคเหนือ ประกอบกับจระเข้มีโซลูชั่นที่มีคุณภาพ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า” นายจักรกฤษณ์ กล่าว

ขณะที่นายพงษ์พันธุ์ ประทีปมโนวงศ์ General Director บริษัท จระเข้ เวียดนาม จำกัด กล่าวว่า แผนการตลาดของจระเข้ เวียดนาม ในปี 2567 ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามด้วยการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบรวมทุกช่องทางที่ลูกค้าติดต่อเข้ามาไว้ในที่เดียว คือ ผสานช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปแบบ Offline เช่น การติดตั้งป้าย Banner และสื่อหน้าร้านกว่า 10,000 ร้านค้า พร้อมโบรชัวร์ แผ่นพับ และคู่มือการใช้สินค้าให้กับคู่ค้าและลูกค้า ขณะที่รูปแบบOnline เรามีช่องทาง TikTok, Facebook รวมถึงจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายผ่าน Viral on ground activity เป็นช่องทางให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลต่างๆ ของตัวผลิตภัณฑ์จระเข้ที่ชัดเจนและคลอบคลุม ว่าผลิตภัณฑ์จระเข้ดีอย่างไร และการใช้ของถูกลิขสิทธิ์ดีกว่าของปลอมอย่างไร นอกจากนี้ยังเสริมให้มีการอบรมความรู้สินค้า โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ Jorakay Academy ให้กับลูกค้ากลุ่มต่างๆ ทั้งกลุ่มสินค้านวัตกรรมการปูกระเบื้อง และกลุ่มสินค้าเคมีก่อสร้าง

นายพงษ์พันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์จระเข้มีข้อได้เปรียบในตลาดวัสดุก่อสร้าง ทั้งด้านนวัตกรรม และคุณภาพที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ กาวซีเมนต์ กาวยาแนว ผลิตภัณฑ์กันซึม ซีเมนต์แต่งผิว ผลิตภัณฑ์ปรับพื้น และการันตีรางวัลที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพและความเชื่อถือได้ เป็นข้อได้เปรียบเมื่อลูกค้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของจระเข้

“จระเข้ เวียดนาม เป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ก่อสร้างคนไทย ที่ต้องการให้คนในประเทศเวียดนามได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ดี ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ คือ นวัตกรรมก่อสร้างความสุขเพื่อคุณและครอบครัว และเหตุผลที่อยากให้คนในประเทศเวียดนามเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จระเข้ที่ถูกลิขสิทธิ์ คือ ลูกค้าจะได้รับผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ดีมีคุณภาพตอบโจทย์การใช้งาน ด้วยขั้นตอนการผลิตที่มีคุณภาพ ระบบการตรวจสอบคุณภาพมีมาตรฐาน มีฐานการผลิตที่ชัดเจน ทำให้เราวางใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ปูนกาวซีเมนต์ ยาแนว ที่เราใช้งานอยู่นั้น จะส่งผลให้งานก่อสร้างคงทน และมีคุณภาพอย่างแน่นอน”                           นายพงษ์พันธุ์ กล่าวในตอนท้าย

สามารถพบกับนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การก่อสร้างยุคใหม่ของแบรนด์จระเข้ที่แตกต่าง และติดตามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่  www.jorakay.co.th   เฟซบุ๊ก jorakay หรือ  Line@jorakayfamily สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-720-1112  หรือสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานใหญ่โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม +84 32 516 8681 หรือ https://www.jorakay.vn/   อีเมล์ hotline@jorakay.vn

โฮมโปร จับมือ SCG เปิดตัวครั้งแรก พัฒนา “Circular Product” สินค้ารักษ์โลก

นายวีรพันธ์  อังสุมาลี บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HomePro พร้อมด้วย   นายชาตรี เอี่ยมโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน ธุรกิจเคมิคอลส์  บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCGร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “HomePro x SCG” Circular Product การสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ ในงาน “โฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 มหกรรมช้อปครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความยั่งยืน (Sustainability)” โดยนำวัสดุเหลือใช้มาออกแบบใหม่เป็นผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม อาทิ ถุง Shopping Bag, กล่อง Stacko, ถุงขยะ และกระเบื้อง พร้อมผนึกกำลังทุกภาคส่วนร่วมกัน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในระยะสั้นและยาว รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ.2050 มุ่งเป้าสู่ผู้นำธุรกิจ Home Solution and Living Experience อย่างยั่งยืน ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆนี้