โฮมโปร ทุ่มกว่า 40 ล้าน เนรมิตมหกรรมช้อปส่งความสุข..แบบรักษ์โลก “โฮมโปร เอ็กซ์โป” คืนกำไรยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี ตลอด 9 วันเต็ม พร้อมเปิดตัวครั้งแรก! ผนึกกำลังร่วมกับ SCG เพื่อพัฒนา “Circular Product” สินค้ารักษ์โลก

           โฮมโปร ชวนคนรักบ้านส่งท้ายปีกับมหกรรมความคุ้ม ช้อปส่งความสุข..แบบรักษ์โลก
ทุ่มกว่า
40 ล้าน จัดงาน “โฮมโปร เอ็กซ์โป” ช้อปครั้งยิ่งใหญ่ ครบ! คุ้ม! ทุกสินค้าเรื่องบ้าน พร้อมเปิดตัวครั้งแรก! ผนึกกำลังร่วมกับบริษัทชั้นนำ SCG และร่วมผลิตสินค้ารักษ์โลก ตอบรับเทรนด์ความยั่งยืนและสังคมรักษ์โลก พร้อมจำหน่ายสินค้า “Circular Product” ภายในงาน พิเศษสุด! กับสิทธิประโยชน์จัดเต็ม ได้ทั้งส่วนลด + รับเพิ่มรวมสูงสุดถึง 36% สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโฮมโปรวีซ่าแพลทินัม  และ ช้อปครบรับเครดิตเงินคืนเข้าโฮมโปรวอลเล็ต รวมสูงสุดกว่า 102,500 บาท และยังมีโปรโมชั่นจากบัตรโฮมโปรเฟิร์สช้อยส์ “ซื้อปีนี้ จ่ายปีหน้า” ให้สิทธิ์นำสินค้าไปใช้ก่อน 2 เดือน พร้อมผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน เริ่มงวดแรกปี 67 ช้อปเลยห้ามพลาด พร้อมช้อปสบายกระเป๋ากับสินเชื่อ Homepay ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง สมัครง่ายใช้แค่บัตรประชาชน อนุมัติไว ผ่อนง่าย ได้ทุกชิ้น!! ระหว่างวันที่ 2-10 ธันวาคม 2566 นี้ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9-10 รวม 9 วันเต็ม คาดกระตุ้นแรงจับจ่ายปลายปี สร้างยอดขายกว่า 300 ล้านบาท

            นายวีรพันธ์  อังสุมาลี  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ  โฮมโปร เปิดเผยว่า “ด้วยสภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ชะลอตัวลง โฮมโปรมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับลูกค้า ด้วยการมอบสินค้าราคาพิเศษ และโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษต่างๆ ร่วมกับพันธมิตรสถาบันทางการเงิน ภายในงาน โฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 เป็นมหกรรมช้อปครั้งใหญ่แห่งปี ที่รวมทุกความพิเศษสินค้าเรื่องบ้าน ของใช้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพดี ราคาคุ้มค่า มาจัดแสดงภายในงาน เพื่อเป็นการคืนกำไรให้ผู้บริโภคได้เลือกช้อปสินค้าแต่งเติมบ้าน ท่ามกลางบรรยากาศช่วงเวลาดีๆ ส่งท้ายปี ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดแข็งของโฮมโปรที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบ One Stop Shopping เรื่องสินค้าและบริการที่มีหลากหลายช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงเรื่องการทำตลาดจากสิทธิประโยชน์ที่มีมอบให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจได้ว่าโฮมโปร เอ็กซ์โป จะช่วยสร้างประสบการณ์ช้อปแบบครบ! คุ้ม! ทุกความต้องการให้กับลูกค้า และช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจ Home Solution and Living Experience มากขึ้นไปอีกระดับ”

            มหกรรมช้อปสินค้าเพื่อคนรักบ้าน โฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 10 ธันวาคม 2566 นี้ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9-10 ในคอนเซปต์ “ช้อปส่งความสุข แบบรักษ์โลก” ครั้งแรก! ของโฮมโปร ที่ผนึกกำลังกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก SCG เพื่อสร้างสังคมรักษ์โลก ด้วยการเปิดตัวสินค้า “Circular Product” ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ ผลิตใหม่ในกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็น SHOPPING BAG จากสายรัดพลาสติกขนส่งสินค้า, กล่อง STACKO พลาสติกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด, ถุงขยะ จากพลาสติกฟิล์มยืดที่ใช้พันรอบสินค้า และกระเบื้อง TARA ที่มีส่วนผสมของสุขภัณฑ์เก่า และยังคงความครบครันของสินค้าเรื่องบ้านไว้ทุกแผนก อาทิ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องนอน ของแต่งบ้าน ทีวี เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า รวมถึงกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษแบบรักษ์โลก ในแคมเปญ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” เพียงนำของเก่ามาแลกซื้อของใหม่ในงาน (ที่ร่วมรายการ) รับทั้งส่วนลดและสิทธิผ่อนชำระ จัดหนักความคุ้มค่าตลอด 9 วันเต็ม

            ภายในงานมีโปรโมชั่นสุดพิเศษ..คืนกำไรแรงส์ สำหรับลูกค้าโฮมการ์ด รับคูปองส่วนลดสูงสุด 1,500 บาท กดปุ๊ป..รับเลย ผ่าน HomePro Line Connect พิเศษเมื่อช้อปในงานคู่กับบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม ลดและรับเพิ่มรวมสูงสุด 8% พร้อมใช้คะแนนตามเงื่อนไข แลกรับส่วนลด+รับเพิ่ม รวมสูงสุดถึง 28% !! พิเศษสะสมทุกยอดช้อปต่อใบเสร็จ รับทันทีเครดิตเงินคืนเข้าโฮมโปรวอลเล็ต รวมสูงสุดกว่า 102,500 บาท!! (ต่อสมาชิก/ตลอดรายการ/ช้อปได้ถึง 31 ธ.ค.66 นี้) พร้อมรับจัดเต็มความคุ้มค่าต่อเนื่อง เมื่อช้อปสินค้าทีวี แอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดอีก 15% ตามเงื่อนไขที่ร่วมรายการ และเมื่อช้อปสินค้าครบ 10,000 บาทขึ้นไป เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ รับสิทธิ์แลกซื้อบัตรสตาร์บัคส์ลด 50% และอีกหนึ่งสิทธิพิเศษที่พลาดไม่ได้.. กับโปรโมชั่นจากบัตรโฮมโปรเฟิร์สช้อยส์ “ซื้อปีนี้ จ่ายปีหน้า” บริการรูปแบบใหม่ ให้สิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน เริ่มงวดแรกปี 67 ช้อปเลยห้ามพลาดพร้อมช้อปสบายกระเป๋ากับสินเชื่อโฮมเปย์ สมัครง่าย อนุมัติไว ใช้แค่บัตรประชาชน ผ่อนง่าย ได้ทุกชิ้น!! และยังมีสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายจากบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการ

            นายวีรพันธ์ เสริมอีกว่า “SCG เป็นพันธมิตรธุรกิจ เพื่อสร้างความยั่งยืนร่วมกัน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ ตั้งแต่ด้านกระดาษ SCG Packaging, ด้านผลิตภัณฑ์พลาสติก SCG Chemicals และด้านวัสดุก่อสร้าง SCG Cement Building ทำให้การผสานพลังครั้งนี้ แสดงออกถึงศักยภาพความพร้อมที่จะสร้างการเติบโตร่วมกันทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ความยั่งยืน ไปจนถึงร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมจากขยะพลาสติก ในโครงการถนนพลาสติกรีไซเคิลและสินค้ารีไซเคิลสร้างสรรค์ เพื่อปูทางสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Circular Economy พร้อมผลักดันเป้าหมาย Net Zero ของประเทศร่วมกันให้สำเร็จ ภายในปี ค.ศ. 2050 ต่อไป”

Circular Project นี้เริ่มตั้งแต่รวบรวมผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์เก่าที่ไม่ใช้แล้ว ทำ R&D พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับทุกฝ่ายตั้งแต่กลุ่มลูกค้า, หน่วยงานภายนอก จนถึงภายในองค์กร โดยวัสดุต่างๆ ที่รวบรวมมาจะนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตามแนวทาง Reduce (ลดใช้วัสดุหรือสารเคมี), Reuse (การนำกลับมาใช้ซ้ำ), Recycled (การใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบ) และยังปรับเปลี่ยนให้ผลิตภัณฑ์สามารถย่อยสลายได้ (Biodegradable) อีกด้วย อาทิ

  • ถุง Shopping Bag ผลิตจากพลาสติก PP ซึ่งมีส่วนผสมของเม็ดพลาสติก PCR (Post Consumer Recycled) 30% จากสายรัดพลาสติกที่ได้มาจากการขนส่งสินค้า เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะพลาสติกที่อาจไปเป็นส่วนหนึ่งของหลุมฝังกลบ (Landfill)
  • กล่อง Stacko ที่มีส่วนผสมเม็ดพลาสติก PCR (Post Consumer Recycled) 30% จากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุดที่ได้มาจากโครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ เป็นการลดใช้เม็ดพลาสติก Virgin ในการผลิต ซึ่งส่งผลโดยตรงกับการช่วยลดใช้ทรัพยากรและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ถุงขยะ มีส่วนผสมเม็ดพลาสติก PCR (Post Consumer Recycled) 30% จากพลาสติกฟิล์มยืดชนิด LLDPE ที่ใช้ในการพันรอบสินค้าเพื่อความปลอดภัยระหว่างการขนส่ง ที่ถูกนำกลับมาเป็นถุงขยะคงคุณสมบัติความแข็งแรงทนทานต่อการฉีกขาด ไม่มีกลิ่นเมื่อเทียบกับถุงขยะทั่วไป
  • กระเบื้อง TARA ที่มีส่วนผสมของสุขภัณฑ์เก่าที่นำมา recycle เพื่อหลีกเลี่ยงการกำจัดแบบฝังกลบ โดยการแปลงสภาพสุขภัณฑ์เก่าที่ได้จากโครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ ให้เป็นกระเบื้องดีไซน์ทันสมัยและมีคุณสมบัติต่าง ๆ เทียบเท่ากับกระเบื้องปกติ

ด้าน นายชาตรี เอี่ยมโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี เปิดเผยว่าเอสซีจีมีการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ ESG 4 Plus ที่มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ยึดหลักเชื่อมั่นและโปร่งใส ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 รวมทั้งมุ่งพัฒนานวัตกรรม โซลูชันตอบเมกะเทรนด์โลก ให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย คุ้มค่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ตั้งแต่การผลิต การใช้ และวนกลับสู่กระบวนการผลิตเป็นวัตถุดิบใหม่ ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ทั้งนี้ เอสซีจี ยังได้ต่อยอดและขยายแนวคิด Circular Economy ด้วยการขับเคลื่อนความยั่งยืน ร่วมกับพันธมิตรอย่าง โฮมโปร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งนำของเสียกลับมาสร้างคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยนำสินค้าเก่าที่ไม่ใช้แล้วจากโฮมโปร มาคัดแยกวัสดุแต่ละประเภท เพื่อผลิตเป็นสินค้านำกลับมาใช้ใหม่ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน อาทิ สินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์กระดาษ มีการรวบรวมกล่องกระดาษลัง นำมารีไซเคิลเป็นกล่องของขวัญ หรือ บ้านกระดาษแมว, สินค้ากลุ่มเซรามิค มีการนำสุขภัณฑ์เก่ามารีไซเคิลผลิตเป็นกระเบื้องเซรามิค และ สินค้ากลุ่มพลาสติก  มีการนำเม็ดพลาสติกจากแหล่งต่างๆ  มา upcycling  เป็นถุง ช้อปปิ้ง และกล่องพลาสติกต่างๆ ซึ่งวันนี้มีเปิดตัวและจำหน่ายให้กับผู้เข้าร่วมงานที่เป็นสายรักษ์โลก ภายในงาน ‘โฮมโปร เอ็กซ์โป’ ครั้งนี้”

“ความร่วมมือนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจหลักด้านความยั่งยืน ที่โฮมโปรให้ความสำคัญ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ในปี ค.ศ.2050 นี้ นับเป็นก้าวสำคัญ และสอดรับกับปณิธานองค์กร We Make a Better Living เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจ Home Solution and Living Experience ที่สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคมและชุมชนในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้อย่างยั่งยืน” คุณวีรพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย

ท้าให้ลอง!! เส้นหมี่ไวไวไฟเบอร์สูง เหนียวนุ่ม..อร่อย..ใยอาหารสูง

ใหม่… ไวไว ขอแนะนำ เส้นหมี่ไวไวไฟเบอร์สูง ทางเลือกใหม่เอาใจคนรักสุขภาพ ผลิตจากข้าวเจ้าเกรดคุณภาพสูงที่คัดมาเป็นพิเศษ พร้อมใยอาหารสูงถึง 8 เท่าจากสูตรปกติ (ปริมาณใยอาหาร 5 กรัม คิดเป็น 20%  ของปริมาณความต้องการต่อวัน) ซึ่งมีส่วนช่วยในระบบทางเดินอาหาร และเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ในลำไส้ ทางเลือกของผู้บริโภคที่ชื่นชอบเมนูเส้นและใส่ใจในเรื่องสุขภาพ

  • มีไฟเบอร์ แบบไม่ละลายน้ำ จึงมีส่วนช่วยให้อยู่ท้องอิ่มนาน
  • มีส่วนช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด เป็นสินค้า Medium GI
  • มีส่วนช่วยการทำงานของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร
  • มีส่วนช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาการ ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย

พร้อมให้คุณรังสรรค์เมนูโปรดได้หลากหลาย กับ ความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ เส้นเหนี่ยวนุ่มไม่ขาดตอน  เอกสิทธิ์เฉพาะเส้นหมี่อบไวไว โดนใจคนรักเส้น รับรองว่าเด็ดทุกเมนู พิสูจน์ความอร่อย เหนียว..หนุ่ม ของเส้นหมี่ไวไวไฟเบอร์สูง ได้แล้ววันนี้ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ หรือสั่งชื้อออนไลน์ได้ทาง Shopee: waiwai_officialshop และ ร้านควิกเทอเรส (Quick terrace) ทุกสาขา

ชั่งน้ำหนักพร้อมลุย! บัวขาวซดกับนายาเนช ไอมาน พร้อมสั่งลาอาจเป็นคิกบ็อกซิ่งไฟต์สุดท้ายในไทย

บัวขาวชั่งน้ำหนักผ่านพิกัด ขอประกาศศักดาด้วยการปราบนายาเนช ไอมาน พญาสิงโตจากสเปน สังเวยไฟต์คิกบ็อกซิ่งไฟต์สุดท้ายที่ประเทศไทย ซึ่งจะเกิดขึ้นในศึก RWS : Legend of Rajadamnern ในวันที่ 2 ธ.ค. นี้

จบลงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการชั่งน้ำหนักในวันที่ 1 ธ.ค. ของคู่มวยประวัติศาสตร์ระหว่างบัวขาว บัญชาเมฆ ตำนานนักชกชาวไทยกับนายาเนช ไอมาน นักชกเลือดเดือดชาวสเปน โดยถือเป็นการกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งในรอบ 5 ปีหลังจากที่ไฟต์ก่อน บัวขาวจัดการเอาชนะน็อกนายาเนชไปได้ในเวลาเพียงยกเดียวในศึก    “คุนหลุนไฟต์ ครั้งที่ 65” ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ทว่าในการกลับมาของนายาเนชในครั้งนี้ ทั้งสภาพร่างกายและฝีมือของเขาอยู่ในช่วงที่พูดได้เลยว่าพีคเต็มที่ที่สุดในชีวิต และเคยผ่านนักมวยไทยดังๆมามากมายอย่างเช่น ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวินและเพชรทนง เพชรโฟกัส แถมไฟต์ล่าสุดยังเอาชนะคะแนน วันเฉลิม นวลทองสนุกเกอร์คลับในศึก RWS จนได้รั้งตำแหน่งเป็นอันดับสองในรุ่นมิดเดิลเวทของเวทีราชดำเนิน อีกทั้งยังมีเป้าหมายต่อไปคือการชิงแชมป์กับเจ้าของตำแหน่งแชมป์อย่าง “เอมเมอร์สัน เบนโต” อีกต่างหาก

ในส่วนของการให้สัมภาษณ์หลังการชั่งน้ำหนัก นักชกพันธุ์ดุจากสเปนกล่าวว่า บัวขาวอาจจะคิดผิดก็ได้ที่เลือกเขาเป็นคู่ชกในไฟต์ที่อาจจะเป็นไฟต์สุดท้ายในการชกคิกบ็อกซิ่งที่ประเทศไทยของตัวบัวขาว เพราะความพ่ายแพ้เมื่อ 5 ปีก่อนได้เปลี่ยนเขาให้เป็นนักมวยที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก กลายเป็นไฟเตอร์อย่างเต็มตัว สภาพร่างกายตอนนี้พร้อมเต็มที่ มีความมั่นใจที่จะเป็นผู้ชนะในไฟต์นี้ เขาเก็บเอาความคาใจนี้ติดตัวมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาและอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะเอาคืนบัวขาวอย่างสาสม ส่วนเรื่องจะชนะน็อกได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับจังหวะบนเวที แต่มั่นใจว่าจะได้รับการชูมือเป็นผู้ชนะในตอนท้ายอย่างแน่นอน เขาพร้อมยิ่งกว่าพร้อมเสียอีกที่จะทำให้บัวขาวต้องพบกับความพ่ายแพ้ในไฟต์สุดท้ายในการชกคิกบ็อกซิ่งที่ประเทศไทย  “แต่โดยส่วนตัวผมแล้วยังชื่นชมและเคารพบัวขาวเหมือนเดิม ชีวิตของผมเองที่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะมวยไทย ผมเรียนมวยไทยอย่างจริงจัง เปิดโรงเรียนมวยไทยในสเปน สอนมวยไทยในการป้องกันตัวให้กับผู้หญิงที่อาจจะโดนทารุณ

กรรมจากเพศตรงข้าม ผมนับถือศิลปะการต่อสู้ในแบบมวยไทย รักคนไทย และการได้ขึ้นชกที่เวทีราชดำเนิน       ที่เป็นบ้านของมวยไทย ได้เป็นนักชกคนสุดท้ายที่จะเจอกับบัวขาวในไฟต์สุดท้ายที่จะชกคิกบ็อกซิ่งในประเทศไทยคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุด”

 สำหรับบัวขาว ยอมรับว่าไฟต์นี้ตัวเขาเองก็มีแรงผลักดันอยากจะชกไฟต์นี้ให้ดีที่สุดเหมือนกัน เพราะว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเหมือนกันที่เขาได้ขึ้นชกคิกบ็อกซิ่งที่ประเทศไทย ยังไงก็ประมาทนายาเนชไม่ได้อยู่แล้ว เพราะดูก็รู้ว่าทางนายาเนชเตรียมตัวมาดีมาก ดูกระหายเหลือเกินที่จะเอาคืนเขาจากไฟต์ภาคแรก ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองกันอีกครั้งของเราทั้งสองคน รอบนี้เอาให้หายค้างคาใจกันไปเลย อยากให้ผู้ชมรู้สึกสนุกและประทับใจในศึกไฟต์สำคัญที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 78 ปีของเวทีราชดำเนินด้วย

นอกเหนือจากนี้แล้ว โคตะ มิอุระ นักสู้ซูเปอร์สตาร์หนุ่มชาวญี่ปุ่นและอดีตคู่ชกที่ได้หันมาเป็นแฟนคลับของ        บัวขาวยังได้เดินทางมายังเวทีราชดำเนินเลยเพื่อชมการชั่งน้ำหนักของบัวขาว รวมถึงรอให้กำลังใจทางด้าน       บัวขาวในวันชก ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งมิตรภาพที่น่ารักของวงการมวยเมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าเมื่อปีก่อนทั้งคู่เคยขึ้นชกประชันฝีมือกันบนสังเวียนมาแล้ว

 ศึก RWS : Legend of Rajadamnern ในวันที่ 2 ธ.ค. นี้ แฟนมวยสามารถหาซื้อบัตรได้ที่  rajadamnern.com หรือสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดได้ทางทีวีเวิร์คพอยท์ช่อง 23 รวมทั้งยังมีช่องทางรับชมเพิ่มเติมทาง Youtube : WorkpointOfficial และ Facebook : Workpoint Entertainment และยังมีการถ่ายทอดสดทาง         ดะโซน (DAZN) บริษัทสตรีมมิงคอนเทนต์กีฬายักษ์ใหญ่ โดยจะมีการถ่ายทอดสดไปกว่า  200 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก

“ไวไว” เปิดตัว ‘เส้นหมี่ไวไวไฟเบอร์สูง’ตอกย้ำยอดขายอันดับ 1 กลุ่มเส้นหมี่อบแห้ง ส่งต่อความอร่อยเส้นเหนียวนุ่มไม่ขาดตอนจากรุ่นสู่รุ่น

“เส้นหมี่อบแห้งไวไว” ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาด เส้นหมี่อบแห้งที่หนึ่งในใจคู่ครัวไทยทุกบ้านจากรุ่นสู่รุ่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘เส้นหมี่ ไวไวไฟเบอร์สูง’ ด้วยคุณประโยชน์ใยอาหารสูงถึง 8 เท่าจากสูตรปกติ ช่วยเพิ่มกากใย เป็นอาหารให้จุลินทรีย์ในลำไส้ สร้างทางเลือกใหม่เอาใจคนชอบเมนูเส้นและรักสุขภาพ

นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นหมี่อบแห้งไวไว เปิดเผยว่า แบรนด์เส้นหมี่อบแห้งไวไว เป็นสินค้าที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนานที่ทุกบ้านต้องมีติดครัวไว้ โดยสิ่งที่ไวไวยึดถือมาโดยตลอด คือความยึดมั่นในคุณภาพของสินค้า ด้วยวัตถุดิบจากข้าวเจ้า 100% ผสานกรรมมาวิธีการผลิตที่สะอาดและทันสมัย ทำให้ได้เส้นหมี่อบแห้งที่มีคุณสมบัติเหนียว..นุ่มไม่ขาดตอน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ต่างจากคู่แข่งในท้องตลาด ทำให้เป็นที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น

และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเส้นหมี่อบแห้ง บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จึงได้มุ่งมั่นศึกษาความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมใช้โอกาสช่วงส่งท้ายปี 2566 เดินหน้าไลน์สินค้าใหม่จากความร่วมมือวิจัยและพัฒนาระหว่าง บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด และ สถาบันวิจัยและนวัตกรรมอาหาร สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดตัว“ผลิตภัณฑ์เส้นหมี่ไวไวไฟเบอร์สูง” เป็นอีกทางเลือกใหม่ เอาใจคนรักเมนูเส้นและสายสุขภาพตัวจริง โดยเน้นจุดขายเรื่องของ Fiber ซึ่งเป็นคุณประโยชน์หลักเฉพาะของตัวผลิตภัณฑ์

สำหรับ เส้นหมี่ไวไวไฟเบอร์สูง ผลิตขึ้นจากข้าวเจ้าเกรดคุณภาพที่คัดมาเป็นพิเศษ พร้อมมีใยอาหารสูงถึง 8 เท่าจากสูตรปกติ (ปริมาณใยอาหาร 5 กรัม คิดเป็น 20% ของปริมาณความต้องการต่อวัน)ซึ่งมีส่วนช่วยในระบบทางเดินอาหาร และเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ในลำไส้ สามารถเป็นทางเลือกของผู้บริโภคที่ชื่นชอบเมนูเส้นและใส่ใจในเรื่องสุขภาพ วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ หรือสั่งชื้อออนไลน์ได้ทาง Shopee: waiwai_officialshop และ ร้านควิกเทอเรส (Quick Terrace) ทุกสาขา

โดยเส้นหมี่ไวไวไฟเบอร์สูง มีคุณสมบัติเด่น ดังนี้

  • มีส่วนผสมของไฟเบอร์แบบไม่ละลายน้ำ จึงมีส่วนช่วยให้อยู่ท้อง..อิ่มนาน
  • เป็นสินค้า Medium GI ที่มีส่วนช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
  • มีส่วนช่วยการทำงานของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร
  • มีส่วนช่วยเพิ่มกากใย ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย

นายยศสรัล กล่าวต่อว่าปัจจุบันแบรนด์ “เส้นหมี่อบแห้งไวไว” มีผลิตภัณฑ์เส้นหมี่อบแห้งภายใต้       แบรนด์ไวไว ทั้งหมด 6 SKU ประกอบด้วย เส้นหมี่อบแห้งไวไว ผลิตจากข้าวเจ้าคุณภาพ 100% มี 3 ขนาด คือ 180 กรัม / 500 กรัม และ 2,700 กรัม, เส้นข้าวกล้องอบแห้ง 170 กรัม, เส้นก๋วยเตี๋ยว (เส้นเล็กอบแห้ง) 150 กรัม และน้องใหม่ เส้นหมี่อบแห้งไฟเบอร์สูง ขนาด 150 กรัม ซึ่งเป็น functional product อีกหนึ่งทางเลือก สำหรับคนที่รักเมนูเส้นและต้องการดูแลสุขภาพควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ ในปี 2020 ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์เส้นหมี่อบแห้งไวไวภายใต้แบรนด์ไวไว ยังได้รับรางวัลเครื่องหมาย คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ ที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดน้อยลง และมีส่วนช่วยลดสภาวะเรือนกระจก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันเส้นหมี่อบแห้งไวไว มีช่องทางจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศ อาทิ ผ่านตัวแทนจำหน่าย, ช่องทางเทรดดิชั่นนอลเทรด, โมเดิร์นเทรด, ไฮเปอร์มาร์เก็ต,ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงในช่องออนไลน์บนแพลตฟอร์ม ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีและมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายยศสรัล เสริมต่ออีกว่า เส้นหมี่อบแห้งไวไว ยังได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เป็นพิเศษ โดยมีการจัดกิจกรรมผ่านทางสื่อต่าง ๆ ทั้ง Offline และ Online อาทิ กิจกรรมแชร์สูตรเมนูจากเส้นหมี่อบแห้งที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น โดยมีผู้ที่สนใจร่วมแชร์เมนูและแสดงความคิดเห็นเกินกว่าเป้าที่คาดการไว้กว่าเท่าตัว ซึ่งสำหรับแนวทางการตลาดในปี 2024 ที่จะถึงนี้ ไวไวยังมุ่งผลักดันกลยุทธ์การพัฒนาตัวสินค้าควบคู่กับการให้ความสำคัญกับร้านค้าพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ประกอบไปด้วย

ทางด้านของตัวสินค้า มีการมุ่งเน้นผลิตและพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงคุณประโยชน์ที่จะได้รับ บน Offline และ Online ตลอดจนช่องทางใหม่ ๆ ที่จะมีการต่อยอดในอนาคต

ทางด้านของผู้ประกอบการ ที่ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจคนสำคัญของไวไว บริษัทฯ มีแผนที่จะแบ่งปันความรู้ รวมไปถึงเทคนิคการตลาดต่าง ๆ แก่ทางร้านค้า ทั้งวิธีการคิดต้นทุน เมนูแนะนำ เมนูขายได้กำไรดี และมีการมอบเครื่องหมายการันตี เพื่อช่วยเสริมความคล่องตัวทางธุรกิจ ตลอดจนสนับสนุนตกแต่งร้านค้าให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความสะดวกในการประกอบอาชีพที่ดีขึ้นในทุกมิติ

เป้าหมายหลักของบริษัทฯ นอกจากจะเน้นย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเส้นหมี่อบแห้งแล้ว ไวไวจะยังคงผลักดันสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและเทรนด์การกินอาหารของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพมากขึ้น”

“ความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่นของเส้นหมี่อบแห้งไวไว เกิดมาจากความมุ่งมั่นที่จะผลิตอาหารที่ได้คุณภาพและปลอดภัย ที่บริษัทพยายามพาตัวเองเข้าหาผู้บริโภคเพื่อให้แน่ใจว่าความเห็นและความต้องการของพวกเขา จะถูกส่งกลับมาเปลี่ยนเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการให้ความสำคัญกับตัวผู้บริโภคโดยตรงนี้ ได้ช่วยให้เส้นหมี่อบแห้งสร้างสิ่งแปลกใหม่และสร้างความพึงพอใจต่อลูกค้ามาโดยตลอด จนสามารถครองยอดขาย แบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่มเส้นหมี่อบแห้งและอยู่คู่ครัวไทยทั้งที่บ้านและร้านค้ามายาวนาน” นายยศสรัล ทิ้งท้าย

ไดกิ้น สานต่อวิสัยทัศน์ยกระดับทักษะนักเรียนอาชีวะผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันทักษะวิชาชีพ ทักษะการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ประจำปีการศึกษา 66

ไดกิ้น เดินหน้าสนับสนุนการแข่งขันทักษะทางวิชาชีพ ทักษะการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ระดับภาค ภาคกลาง ประจำปีการศึกษา 2566 สนับสนุนด้านเครื่องมืออุปกรณ์พร้อมร่วมส่งเสริมทักษะด้านงานท่อเครื่องปรับอากาศ และจัดกิจกรรมพิเศษ Daikin Activity Day สร้างองค์ความรู้แก่ผู้เข้าแข่งขัน ตั้งเป้ายกระดับทักษะนักเรียนนักศึกษาให้ก้าวเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพ เป็นกำลังสำคัญให้ตลาดและอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศในอนาคตต่อไป

            คุณเพชร กรมแสง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวิศวกรด้านเทคนิค บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ไดกิ้น ในฐานะ ผู้สนับสนุนหลักกิจกรรมแข่งขันทักษะติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เรามีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ทำควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานทักษะของบุคลากรเครื่องปรับอากาศที่ครอบคลุมในทุกมิติ โดยเฉพาะกับการผลักดันกลุ่มนักเรียนนักศึกษาให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ในอนาคต โดยไดกิ้นได้ดำเนินการเปิดพื้นที่บริษัทเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิชาการ, มีการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ตลอดจนเข้าสนับสนุนกิจกรรมแข่งขันทักษะวิชาชีพอย่างต่อเนื่องในทุกระดับ

            “ซึ่งล่าสุดในระหว่างวันที่ 20-22 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ไดกิ้นได้เข้าสนับสนุนการแข่งขันทักษะวิชาชีพ ทักษะการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ระดับภาค ภาคกลาง ซึ่งมีสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจากจังหวัดในภาคกลาง เข้าร่วมกว่า 14 ทีม โดยกิจกรรมนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งนอกเหนือจากไดกิ้นจะเป็นผู้มอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะแล้ว บริษัทยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ Daikin Activity Day โดยมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสร้างเสริมองค์ความรู้เพิ่มเติมที่ผู้เข้าแข่งขันสามารถนำไปใช้ได้จริงทั้งในการแข่งขันและในการทำงาน”

            สำหรับกิจกรมการแข่งขันทักษะทางวิชาชีพ ทักษะการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ระดับภาค ภาคกลาง ประจำปีการศึกษา 2566 ปีนี้จัดขึ้นที่วิทยาลัยการอาชีพจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ร่วมให้การสนับสนุนด้านเครื่องมือ อุปกรณ์และเครื่องปรับอากาศ ให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน โดยมีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนนักศึกษาอาชีวะ ได้นำเอาความรู้ที่ศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติ รวมถึงช่วยเพิ่มทักษะและประสบการณ์ตรงในการทำงานระหว่างที่ศึกษาอยู่ รวมถึงส่งเสริมการเตรียมความพร้อมหลังสำเร็จการศึกษาและการประกอบอาชีพต่อไปในอนาคตอีกด้วย

            โดยการแข่งขันทักษะทางวิชาชีพฯ ในครั้งนี้ ได้จัดขึ้นอย่างครอบคลุมทั้งส่วนการแข่งขันภาคทฤษฎี รวมถึงภาคปฏิบัติ ที่ไดกิ้นได้เข้ามาสนับสนุนและมีส่วนร่วมด้านการเสริมทักษะงานท่อ เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันได้พัฒนาทักษะและประสบการณ์ด้านงานท่อและงานเครื่องปรับอากาศอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผลการแข่งขันครั้งนี้ปรากฎว่า นายทรงยศ หรั่งวัด จากวิทยาลัยการอาชีพบ้านลาด เป็นผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ, ด้านรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 คือ นายบุญยฤทธิ์ ครุฑช่างทอง จากวิทยาลัยเทคนิคชัยนาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ นายธนภัทร สุขใบ จากวิทยาลัยเทคนิคราชบุรี อีกทั้ง ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันในระดับภาคกลางนี้ จะได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนเข้าแข่งขันในระดับชาติ ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ต่อไป

โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9)คว้ารางวัล Sustainability Excellence Awards ในงาน SET Awards 2023

นายแพทย์เสถียร ภู่ประเสริฐ(ที่4ซ้าย)กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) เข้ารับ “รางวัล SET Awards 2023 กลุ่มรางวัล Sustainability Excellence ประเภท Commended Sustainability Awards” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับบริษัทที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในภาพรวม โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) โดยมี นายธีรพันธ์ ดิษยบุตร(ที่3ซ้าย)รองกรรมการผู้อำนวยการ,นายภาคิน ภู่ประเสริฐ(ที่5ซ้าย)หัวแผนก New Business และทีมผู้บริหารโรงพยาบาลพระรามเก้า ร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้

FILA เปิดตัวคอลแลปส์คอลเลคชั่น “FILA x Smiley®” เอาใจสายสตรีท

มร. เอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ้ป จำกัด (CMG) ภายใต้ เซ็นทรัล รีเทล แถลงข่าวเปิดตัวคอลเลคชั่น ‘FILA x Smiley®’ จากการคอลแลปส์กับไอคอนแบรนด์ระดับโลก ‘The Smiley® Company’ ดึงไอคอนิกเครื่องแต่งกายกีฬาเทนนิส-การออกแบบสไตล์อิตาเลียน สู่คอลเลคชั่นสตรีทแวร์แทรกความสนุกสนาน ความรู้สึกด้านบวกทุกการแต่งตัว พร้อมสานต่อกลยุทธ์การคอลแลปส์เพื่อตอกย้ำ Identity Sports Lifestyle Fashion ของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยมีคุณจิตรฤดี พนิตพล,คุณโบฮยอน จิน, คุณกุลพงศ์ พาชีรัตน์, คุณจิราภา ชนะพันธ์ และ อัพ ภูมิพัฒน์  เอี่ยมสำอาง ร่วมงาน ณ  FILA Store สาขา Siam Square One

 “Princess’s Cup Thailand 2023” งานแข่งขันกีฬาขี่ม้าแห่งปี จัดใหญ่ 11 วัน ช้อปชิมชิลเติมสุขส่งท้ายปีกับตลาด FLEA MARKET เข้างานฟรี! เริ่ม 7 ธ.ค. 66 นี้

เมื่อวันที่ (30 พฤศจิกายน 2566) เวลา 15.00 น. ณ ฮอสการ์ดคลับ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานคณะกรรมการจัดงาน Princess’s Cup Thailand 2023 เป็นประธานการแถลงข่าว โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าว นายนารา เกตุสิงห์ เลขาธิการสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มีพระวินิจฉัยให้จัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้ารายการ Princess’s Cup Thailand 2023 และทรงรับเป็นองค์ประธานอำนวยการนโยบาย วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมกีฬาขี่ม้า เพิ่มพูนทักษะ และประสบการณ์การแข่งขัน ตลอดจนเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีของนักกีฬาขี่ม้าและสโมสรขี่ม้าต่าง ๆ

 “การจัดงาน Princess’s Cup Thailand ในปีนี้ เป็นการจัดงานครั้งที่ 9 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-17 ธันวาคม 2566 ณ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด ‘Enjoy Our Gender Equality Sport with Harmony of Horse and Human’ ที่สะท้อนแง่มุมความพิเศษของกีฬาขี่ม้า ซึ่งเป็นกีฬาประเภทเดียวที่แข่งขันโดยไม่แบ่งแยกเพศ จึงเรียกได้ว่าเป็น ‘กีฬาแห่งความเท่าเทียม’ และยังเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ต้องผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับม้าด้วย โดยภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการแข่งขันเกี่ยวกับม้า การแข่งขันเกี่ยวกับสุนัข นิทรรศการ รวมทั้งกิจกรรมความบันเทิงสำหรับทุกเพศทุกวัย”

นายนารา เกตุสิงห์ เลขาธิการสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย ให้รายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมภายในงานเพิ่มเติมว่า จะมีการแข่งขันกีฬาขี่ม้า 2 รายการใหญ่ คือ 1. FEI SEA Youth Cup 2023 ระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคม 2566 ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ ในการจัดแข่งขันเป็นครั้งแรก เนื่องด้วยสหพันธ์กีฬาขี่ม้านานาชาติ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดความต่อเนื่องของการแข่งขันกีฬาขี่ม้าระดับเยาวชน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงจัดการแข่งขัน FEI SEA Youth Cup ขึ้น ในปีที่ไม่มีการแข่งขันซีเกมส์ หรือกีฬาขี่ม้าไม่ได้ถูกบรรจุในซีเกมส์ และรายการ Princess’s Cup Thailand (ระหว่างวันที่ 11 – 17 ธันวาคม 2566) ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา แบ่งเป็น การแข่งขัน 5 ประเภท ได้แก่ ศิลปะบังคับม้า, การขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง, อีเวนท์ติ้ง, สุดยอดผู้ดูแลม้า และ สุดยอดช่างเกือกม้า   

อีกกิจกรรมสำคัญคือการแข่งขันเกี่ยวกับสุนัข ซึ่งในการแถลงข่าวครั้งนี้มีการแสดงโชว์ของสุนัขทรงเลี้ยงทั้งหมด 4 สุนัข ได้แก่ สุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย คุณโคโม่ และ คุณนาโกย่า , สุนัขพันธุ์ปาปิยอง คุณบัตเตอร์ฟลาย และสุนัขพันธุ์ลาบาดอร์ คุณเอ็มไอ6 เพื่อสร้างการรับรู้ของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องคือ 1. การแข่งขันสุนัขใช้งานสากลเป็นการทดสอบความสามารถเพื่อประเมินสุนัขที่เหมาะสมต่อการปฏิบัติงานอารักขา 2. การแข่งขันประกวดสุนัขสวยงามทุกสายพันธุ์ และ 3. งานวิ่งกับสุนัข (Dog Fun Run)    

ภายในงานยังมีนิทรรศการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1. พระจริยวัตรของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงเล็งเห็นความสำคัญ และทรงส่งเสริมกีฬาขี่ม้าในทุกมิติ ผ่านโครงการ อาทิ โครงการบ้านพักม้าชรา ด้วยทรงห่วงใยสุขภาพและความเป็นอยู่ของม้าหลังปลดประจำการ, โครงการอาชาบำบัดการใช้ม้ามาช่วยในการบำบัดกลุ่มเด็กพิเศษ ทั้งด้านร่างกาย และอารมณ์, และโครงการปุ๋ยมูลม้า  2. ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูม้า สถานพยาบาลม้าที่มีความทันสมัย มีขีดความสามารถด้านการรักษาขั้นสูง พร้อมด้วยเครื่องมือทางการสัตวแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ 3. โครงการผ้าไทย เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยให้ทันสมัยตามความต้องการในยุคปัจจุบันกับทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงจัดแสดงข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน อาทิ การแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์, พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือ สาธารณรัฐตุรกี, การดำเนินงานของกรมปศุสัตว์ ในการยื่นขอคืนสถานภาพปลอดกาฬโรคในม้า (AHS) อย่างเป็นทางการ 

และท้ายสุดคือ Flea Market และกิจกรรมนันทนาการต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดพื้นที่พบปะสังสรรค์บรรยากาศดีกลางกรุง ให้ประชาชนได้มาชอปปิ้งสินค้าสไตล์วินเทจ ชิมอาหารอร่อย ถ่ายรูปเช็คอิน ในวันที่ 15-17 ธันวาคม 2566 และเพิ่มเติมความพิเศษ ด้วยการแสดงดนตรีในสวน บรรเลงบทเพลงไพเราะ โดยวง Royal Bangkok Symphony Orchestra (RBSO) ในวันที่ 15 ธันวาคม อีกด้วย

จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจ มาเติมเต็มความสุขในช่วงส่งท้ายปี กับการเข้าร่วมชมการแข่งขันกีฬาขี่ม้า การประกวดและแข่งขันสุนัข และเลือกซื้อสินค้าภายในงาน ระหว่างวันที่ 7-17 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่ 09.00 น.
เป็นต้นไป ณ สนามแข่งขันกีฬาขี่ม้า กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า (BTS สนามเป้า) กรุงเทพฯ
เข้างานฟรี!

คิงสเตลล่า กรุ๊ป  รับมอบ เข็มเกียรติคุณชมรมจรรยาบรรณ ‘บทพิสูจน์ตัวจริง’ ในการดำเนินธุรกิจ

บริษัท คิงสเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King Stella Group Co.,Ltd. หรือ KSG) โดย นางวิลาสินี กิตติเกษมศักดิ์ รองประธานกรรมการบริษัท เป็นผู้แทนรับ “เข็มเกียรติคุณชมรมจรรยาบรรณ หอการค้าไทย” จากหอการค้าไทย ในพิธี “ประกาศเกียรติคุณจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย ครั้งที่ 21 ประจำปี 2566 (TCC Best Awards 2023)” เชิดชูเกียรติแก่ภาคธุรกิจเอกชนไทย บทพิสูจน์การดำเนินธุรกิจโดยใช้หลักจรรยาบรรณให้เกิดการยอมรับ เชื่อถือ ศรัทธาแก่สังคม และภาคธุรกิจไทย รวมถึงภาคธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งปีที่แล้วคว้ารางวัลจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย เมื่อปีพ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาอีกด้วย

นางวิลาสินี กิตติเกษมศักดิ์ รองประธานกรรมการบริษัท คิงสเตลล่า กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท คือ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร ภายใต้หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี โดยรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจ, สังคม และสิ่งแวดล้อม ในนาม บริษัท คิงสเตลล่า กรุ๊ป จำกัด และบุคลากรทุกคนมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเข็มเกียรติคุณชมรมจรรยาบรรณ จากทางหอการค้าไทยในครั้งนี้ ถือเป็นอีกบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นตั้งใจในการที่จะดูแลคนชุมชนและสังคมให้ดีขึ้นตามนโยบายของบริษัทฯ ภายใต้วิสัยทัศน์ “EMPOWER BETTER LIVING FOR ALL ส่งต่อชีวิตที่ดีกว่า สร้างสรรค์คุณค่าเพื่อทุกคน

ก่อนหน้านี้ KSG กรุ๊ป ภายใต้ในนาม บริษัท คิงส์สเตลล่า แลบบอราทอรี่ จำกัด (ชื่อเดิม) เคยได้รับ “รางวัลจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย เมื่อปีพ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา” ใน “ประเภทบริษัทกลางและย่อม” ได้รับการเชิดชูเกียรติให้เป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำต้นแบบธุรกิจตามหลักเกณฑ์จรรยาบรรณดีเด่นหอการค้าไทย ด้วยกรอบที่ว่า ‘จรรยาบรรณ = เกราะป้องกันวิกฤต’ บริหารงานภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 หรือผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะดูแลลูกค้าด้วยการพัฒนาและรักษามาตรฐานการทำงาน เพื่อมอบประโยชน์และบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า คู่ค้า ประชาชนและพันธมิตรธุรกิจ ด้วยความจริงใจ ซื่อสัตย์ และโปร่งใส จนผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างมั่นคงจนถึงปัจจุบัน” นางวิลาสินี กล่าว

สำหรับพิธี “ประกาศเกียรติคุณจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย ครั้งที่ 21” เป็นพิธีอันทรงเกียรติหนึ่งใน โครงการประกาศเกียรติคุณจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย ประจำปี 2566 หรือ The Thai Chamber of Commerce Business Ethics Standard Test Awards 2023 (TCC BEST Awards 21st) ปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “ธุรกิจยั่งยืน สืบสานจรรยาบรรณจากรุ่นสู่รุ่น 90 ปี หอการค้าไทย” โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เป็นผู้มอบรางวัล เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ภาคธุรกิจเอกชนไทยและผู้ประกอบการธุรกิจที่ยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจ บนพื้นฐานการมีจรรยาบรรณ และธรรมาภิบาล และคำนึงถึงผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว โดยในปีนี้มีบริษัทได้รับรางวัลจำนวน 23 บริษัท และยังมีบริษัทเข้ารับเข็มชมรมจรรยาบรรณจำนวน 27 บริษัทอีกด้วย