“มารวย เรียลเอสเตท” เปิดโครงการหรู “แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร” โครงการบ้านเดี่ยว Super Luxury บนถนนสิริโสธร ฉะเชิงเทรา

ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการ บริหาร แพทโก้ กรุ๊ป และบริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัดผู้พัฒนา โครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออก ภายใต้แบรนด์ “บ้านมารวย”  เปิดโครงการหรู “แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร” โครงการบ้านเดี่ยวสุด Super Luxury สไตล์ Modern English  หนึ่งเดียวในถนนสิริโสธร  ที่มาพร้อมกับความเหนือระดับ และสังคมคุณภาพ ด้วยวิถีชีวิตที่เหนือระดับบนโลเคชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดของฉะเชิงเทรา เปิดตัวในราคาที่ 7.49-15.5 ล้านบาท โดยมี ดร.ทองหล่อ สุขะมงคล, ร.ต.อ.หญิงสุกัญญา สุขะมงคล, นางสาววรรณี สุขะมงคล, นางศิรินทิพย์ ชนะภัย, นายสิทธิพล ลิ่มเงิน  ร่วมงานด้วย ณ โครงการ แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเร็ว ๆ นี้

“สตาร์มาร์ค” ร่วมกับ “โฮมโปร” เอาใจคนรักการแต่งบ้าน ลดจัดหนัก จัดโปรฯ ลดสูงสุด 30% ทุกสาขา กับมหกรรมลดยกครัว ให้คุณเป็นเจ้าของครัวในฝันได้ไม่ยาก

“สตาร์มาร์ค” แบรนด์ครัวชั้นนำ ร่วมกับ “โฮมโปร” จัดโปรโมชันเด็ด ลดจัดหนัก กับงานมหกรรมลดยกครัว ให้คุณเป็นเจ้าของครัวในฝันได้ไม่ยาก กับชุดครัวบิวท์อิน ชุดครัว Compact และหน้าบานครัวปูน จัดโปรโมชันพิเศษลดสูงสุดถึง 30% และรับส่วนลดเพิ่ม 7 % เนรมิตครัวสวยได้ดั่งใจ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาฟรีเพื่อเนรมิตชุดครัวในฝันให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 2567 – 31 มี.ค. 2567 ที่โฮมโปรทุกสาขา

Hons ลุยคอลเลคชั่นสินค้าภายในห้องน้ำ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond Bathroom Solution พร้อมใช้นวัตกรรม และดีไซน์ที่หรูหราตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

“ลีน่า พี.แอล. โฮม” ผู้ผลิตก๊อกน้ำแบรนด์ “Hons” เปิดตัวสินค้าใช้งานในห้องน้ำภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond Bathroom Solution ดีไซน์สุดล้ำสมัย ด้วย Collection Mountain Grey ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะกับการใช้งานระยะยาว พร้อมผนึก โฮมโปร และเมกะโฮม เป็นช่องทางขายหลัก เร่งตั้งเป้าขยายการตลาดด้วยนวัตกรรม และดีไซน์ที่หรูหราตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

นายวุฒิรัฎฐ์ ลีนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีน่า พี.แอล. โฮม จำกัด ผู้ผลิตนวัตกรรมเรื่องบ้าน
และผู้ผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำภายใต้แบรนด์ Hons เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าประเภทไฟฟ้าภายใต้ แบรนด์ NAGAS ซึ่งขายมายาวนานกว่า 10 ปี บวกกับประสบการณ์ด้านการขายผ่าน Modern Trade จึงวางแผนที่จะขยายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับบ้านไปในกลุ่มประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้น  และจากการศึกษาข้อมูลทางการตลาดพบว่า ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำ เป็นตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำทั้งหมดกว่า 250 รายการ ภายใต้แบรนด์ HONS โดยตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา HONS ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำ HONS เจาะกลุ่มลูกค้า Modern Trade ของ Home Pro รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าผู้รับเหมา ลูกค้าโครงการโรงแรม หมู่บ้าน เป็นต้น มีกลุ่มสินค้าสเตนเลส ทองเหลือง และซิงค์ โดยเน้นวัสดุเกรดคุณภาพ ทนทานต่อการใช้งาน อีกทั้งแบรนด์ยังคงคิดค้นเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ และพัฒนารูปแบบการใช้งานช่วยให้สะดวกสบายต่อการใช้งานอีกด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำ HONS มีกลุ่มสินค้าทั้งหมด 11 กลุ่ม ได้แก่ 1. เรนชาวเวอร์ (Rain Shower),
2. สไลด์บาร์ (Slide Bar), 3. ฝักบัวสายอ่อน (Shower Set), 4. สายฉีดชำระ (Rinsing Spray), 5. ก๊อกอ่างล้างหน้า-ล้างมือ (Faucet), 6. ก๊อกซิงค์ล้างจาน (Sink Faucet), 7. ก๊อกล้างพื้น (Wall Tap), 8. วาล์วฝักบัว (Shower Valve), 9. สต๊อปวาล์ว (Stop Valve), 10. อุปกรณ์ตกแต่ง (Accessories) และ 11. อุปกรณ์อะไหล่ (Spare Part) เรียกได้ว่ามีสินค้าครอบคลุมทุกการใช้งาน และความต้องการของลูกค้าครบวงจร

“จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ HONS เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผู้บริโภคไว้ใจนั้นมีอยู่ 2 ปัจจัยด้วยกันนั่นก็คือ คุณภาพ และความคุ้มค่า โดยจะเลือกใช้วัสดุที่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและมีความคงทนแข็งแรง รวมถึงการผสมผสานนวัตกรรมเพื่อให้มีความสะดวกต่อผู้ใช้งาน มีดีไซน์ที่ทันสมัย ยกตัวอย่างเช่น วาล์วน้ำของ HONS
ที่มีความนุ่มมือเปิดปิดง่าย ผ่านการทดสอบการเปิดปิดอย่างต่อเนื่อง กว่า 50,000 ครั้ง เรียกได้ว่านอกจากดีไซน์จะสวยแล้วยังมีความคงทนแข็งแรง ที่สำคัญราคาเป็นมิตรกับผู้บริโภคอีกด้วย”

นายวุฒิรัฎฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ 1. กลุ่มก๊อกน้ำ ก๊อกซิงค์ล้างจาน เนื่องจากสินค้าของ HONS มีนวัตกรรมการใช้งานที่ตอบโจทย์ ใช้งานง่าย และวัสดุที่แข็งแรงทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ทั้งการดีไซน์การใช้งานต่างๆ อาทิ ก๊อกซิงค์เคาน์เตอร์ 2 หัว ที่สามารถใช้ร่วมกับซิงค์ล้างจานแบบ 2 หลุมได้อย่างลงตัว โดยที่ไม่ต้องโยกไปโยกมาเพื่อสลับกันใช้ รวมถึงมีก๊อกซิงค์เคาน์เตอร์ที่ใช้ระบบเซ็นเซอร์แบบสัมผัสที่ตัวก๊อกตรงจุดใดก็ได้เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานจริงอีกทั้งยังสามารถดึงสายออกมาใช้งานได้ถึง 45 ซม. และปรับเปลี่ยนสายน้ำได้ 2 รูปแบบ  2.กลุ่มฝักบัว เรนชาวเวอร์ และ 3. กลุ่มสายฉีดชำระ โดยจุดเด่นสำคัญคือ มีฝักบัวสายอ่อนที่มีสายน้ำหลากหลายรูปแบบเลือกใช้งานได้สูงสุดถึง 5 ฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นสายน้ำแบบ Massage Spray ที่ใช้สำหรับนวดทำให้ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อในวันที่อ่อนล้า
หรือรูปแบบสายน้ำ Light Rain ให้สายน้ำนุ่มเหมือนอยู่ท่ามกลางสายฝน

นอกจากนี้ยังมีสินค้า Rain shower LED เมื่อเปิดน้ำจะมีแสง LED ที่หัว Rain shower และแสง LED
จะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิของน้ำโดยใช้ใบพัดในการควบคุมอุณหภูมิ ที่สำคัญคือปลอดภัยไม่ใช่ไฟฟ้า โดยผลิตจากวัสดุสแตนเลส 304 ที่มีความทนทานและเคลือบผิวด้วยโครเมี่ยมที่ทำให้วัสดุมีความเงางามเสมอ

สำหรับแนวโน้มและทิศทางตลาดในปี 2567 นี้ นายวุฒิรัฎฐ์ กล่าวว่า บริษัทวางแผนเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นจะสินค้าเฉพาะกลุ่มให้มากขึ้น เพื่อตอบรับกับเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน รวมถึงเพิ่มช่องทางการขายในเมกะโฮมทุกสาขา ปัจจุบัน HONS ได้มีสินค้ามากขึ้นกว่า 250 รายการ ทั้งวางขาย SCHEMATIC และพื้นที่ Booth รวมไปถึงมีการพัฒนาเรื่องพื้นที่การขาย

ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่เข้าไปในสาขา Modern Trade โดยเฉพาะโฮมโปร กว่า 80 สาขา อีกทั้งยังเจาะกลุ่มลูกค้าผู้รับเหมา ช่าง ด้วยการเพิ่มสินค้าที่สอดคล้องกับกลุ่มผู้รับเหมาและงานช่างโดยเข้าจำหน่ายที่เมกาโฮม กว่า 8 สาขา และมีแผนจะเพิ่มสาขาในเร็วๆ นี้

ขณะเดียวกันมองว่าตลาดกลุ่มสินค้าภายในห้องน้ำขนาดใหญ่ หรือ Bathroom เติบโตต่อเนื่องในทุกปี
รวมไปถึงมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น และปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้
ความเข้าใจในการเลือกซื้อสินค้า นอกจากจะต้องดูมีดีไซน์ทันสมัยแล้วจะต้องเลือกให้สอดคล้องกับการใช้งาน พร้อมทั้งยังคงนิยมเทรนด์ Customize personalization ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเอง

โดยแบรนด์ HONS ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทำให้มีสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดีไซน์ เทรนด์สีพิเศษๆ ที่นอกเหนือจากสีโครมเมี่ยมทั่วๆไป รวมไปถึงพวกเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีมากขึ้น สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น อาทิ ฝักบัวไส้กรองที่ช่วยกำจัดสิ่งสกปรก คราบตะกรัน หรือกลิ่นคลอรีนที่มากับน้ำ ลดโอกาสการเกิดอาการแพ้น้ำได้ดียิ่งขึ้น

ส่วนของสินค้าที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม เช่น เซนเซอร์ ทั้งก๊อกอ่างล้างหน้า และก๊อกซิงค์เคาน์เตอร์ ที่ใช้ระบบเซนเซอร์ โดยใช้เทคโนโลยีการใช้งานที่สะดวกสบาย ใช้งานง่าย ลดการสัมผัสโดยตรง และเพิ่มสุขอนามัยที่ดี อีกทั้งยังใช้งานได้ 2 ระบบทั้งระบบต่อตรงเข้าไปไฟบ้าน 220V และ ถ่านอัลคาไลน์ ซึ่งไม่เพียงแต่ห้องน้ำสาธารณะเท่านั้นที่เลือกใช้ก๊อกน้ำเซ็นเซอร์ ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มหันมาติดตั้งภายในบ้านมากขึ้น ด้วยเหตุผลสำคัญด้านความสะอาด และความทันสมัย จึงมองว่านี่เป็นเทรนด์สำคัญที่ทำให้ HONS ต้องขยายตลาดเพื่อรองการเติบโตต่อในอนาคต

ล่าสุด HONS ได้เปิดตัว Collection Mountain Grey สินค้าใช้งานในห้องน้ำ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond Bathroom Solution ที่มีการออกแบบดีไซน์สินค้าเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร โดดเด่นด้วยสีเทาที่ให้ความรู้สึกหรูหราและผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน โดยเราเทคโนโลยีชั้นสูงด้วย PVD Coating จึงทำให้สีมีความทนทานที่สูง ซึ่ง Collection Mountain Grey มีเฉพาะแบรนด์ HONS และมีขายที่โฮมโปรเท่านั้น

สำหรับ Collection นี้มีสินค้าด้วยกันทั้งหมด 18 รายการ ที่จะรังสรรค์ห้องน้ำให้มีความเป็นเอกลักษณ์ ดูหรูหราทันสมัย โดยสินค้า Collection Mountain Grey จะมีสินค้าที่ประกอบไปด้วย Rain Shower Mixer (เรนชาวเวอร์ผสม) , Shower Set (ฝักบัวสายอ่อน) ,Rinsing Spray (สายฉีดชำระ) , Faucet Sink (ก๊อกซิงค์เคาน์เตอร์) , Faucet (ก๊อกอ่างล้างหน้า) , Stop Valve (สต๊อปวาล์ว) , Shower Valve (วาล์วฝักบัว) , Shower Mixer (ก๊อกผสมอ่างอาบน้ำ / ก๊อกผสมยืนอาบ) , Accessories (อุปกรณ์ตกแต่ง) อีกด้วย

นอกจากนี้   HONS ยังได้เข้าร่วมแคมเปญ โฮมโปร แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ ในกลุ่มสินค้าก๊อกน้ำและฝักบัว  เพียงนำสินค้าที่สภาพไม่สมบูรณ์ และไม่จำเป็นต้องซื้อจากโฮมโปร มาแลกซื้อสินค้าใหม่กลับบ้าน พร้อมรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 2,000 บาท ผ่อน 0% นานสูงสุด 3 เดือนกับบัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสดที่ร่วมรายการ ที่โฮมโปรและเมกาโฮมทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567 นี้ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรักษ์โลกกับโฮมโปร เพราะของเก่าที่ใช้แล้วเราจะนำไปจัดการอย่างถูกวิธีและยั่งยืน

ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเข้าชม Collection Mountain Grey และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำ สินค้าใช้งานในห้องน้ำภายใต้แบรนด์ Hons ได้ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศไทย

N.R. Jewelry ปรับกลยุทธ์ ออกงานแฟร์อัญมณีและเครื่องประดับ JGAB 2024 สร้างยอดขาย มั่นใจหลังงานจบได้ดีลเพียบ

เอ็น.อาร์.จิวเวลรี่ แฟคตอรี่ ปรับกลยุทธ์หลังโควิด-19 ทำวงการจิวเวลรี่ซึมยาว ลุยงานแฟร์อัญมณีและเครื่องประดับทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึง Jewellery & Gem ASEAN Bangkok
หรือ JGAB 2024 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1-4 พ.ค. 2567 มั่นใจหลังจบงานได้ดีล และออเดอร์เพียบ พร้อมปรับไซต์ซิ่ง โปรดักส์ ชูทอง 9K ตอบสนองตลาดอเมริกาที่กำลังมาแรง

นางสาวริญญารัตน์ วิลัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็น.อาร์.จิวเวลรี่ แฟคตอรี่ จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่มีการระบาด ของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมวงการเครื่องประดับและจิวเวลรี่เป็นอย่างมาก
ซึ่งบริษัทของเราก็ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวเช่นกัน เนื่องจากเราเป็นโรงงานที่ผลิตเครื่องประดับเพชร ทองและเงินที่ส่งขายตามร้านจิวเวลรี่ขนาดใหญ่ในเมืองไทย พอโควิดระบาดทำให้
บริษัทจิวเวลรี่หลายๆร้าน ที่เคยสั่งสินค้าจากเราได้หยุดกิจการไป

ทั้งนี้ แต่เดิมบริษัทเรามีช่างฝีมือที่ทำงานกว่า 100 คน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 คนเนื่องจากเราได้รีไซน์ขนาดบริษัทลง เราจึงได้มีการปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการพร้อมกับหาตลาดใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ปัจจุบันเราเน้นเรื่องการส่งออกเป็นหลักจากเดิมที่ขายในประเทศ 80% ส่งออก 20% หลังโควิดระบาดเราได้มีการปรับเป็นเน้นการส่งออกให้มากขึ้นเทียบแล้วก็กว่า 80% เลยทีเดียว สำหรับสินค้าที่เราขายอยู่ปัจจุบันได้แก่ เครื่องประดับทอง 18K 14K และ 9K เครื่องประดับเงิน รวมไปถึงเครื่องประดับเพชร พลอย ทับทิม ไพลิน มรกต พลอยสี บลูโทพาส และอเมทิสต์ เป็นต้น

“การไปออกงานแฟร์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศรวมถึง Jewellery & Gem ASEAN Bangkok หรือ JGAB 2024 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1-4 พ.ค. 2567 เป็นการเพิ่มโอกาสให้เราได้เจอลูกค้าต่างชาติ เจอคู่แข่ง และพันธมิตรมากมาย ที่สำคัญทำให้เรารู้ว่าต้องปรับปรุงสินค้าตัวไหนให้ตอบโจทย์ตลาดในปัจจุบัน เช่น แหวนประดับเพชรแต่เดิมเราเน้นตัวทองให้หนา ทำให้ราคาสูงเกินไป แต่พอไปออกงานแฟร์พบปะพูดคุยกับลูกค้า ทำให้เรารู้ว่าจะแข่งกับตลาดลำบากเราจึงปรับตัวทองให้บางลง ราคาไม่สูง เรียกได้ว่าใช้ของคุณภาพดีแต่ราคาไม่แพงเกินไป นอกจากนี้หลังจบงานแฟร์ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ออเดอร์จากลูกค้าทั่วโลกอีกด้วย”

นางสาวริญญารัตน์ กล่าวต่อว่า ฐานลูกค้าของเราส่วนใหญ่ก็จะเป็นยุโรป ตะวันออกกลาง อินเดีย ศรีลังกา และญี่ปุ่น โดยเฉพาะการเพิ่มฐานที่ญี่ปุ่นให้มากขึ้น ถือเป็นแผนสำคัญของเรา เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็น Brand Loyalty ถ้าทำติดตลาดแล้วเราจะอยู่ได้นาน

นอกจากการปรับกลยุทธ์การขายที่เน้นส่งออกเป็นหลัก เราได้ทำหน้าร้าน หรือโชว์รูมเพื่อให้ลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างประเทศเข้ามาเลือกสินค้าของเราได้โดยตรง ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มองหาเครื่องประดับไม่ว่าจะเป็นเงิน ทอง หรือเพชร เป็นต้น

“แต่เดิมธุรกิจของเราเป็นธุรกิจครอบครัว เริ่มจากคุณพ่อเป็นช่างทอง พอออกมาทำโรงงานของตัวเอง โดยมีคุณแม่เป็นเซลล์ ก็นำสินค้าไปเสนอขายตามร้านจิวเวลรี่ แต่ยังไม่เคยมีหน้าร้านของตัวเอง พัฒนาเรื่อยมาจนเป็นโรงงานที่มีพนักงานช่างฝีมือนับร้อยคน เมื่อถึงเวลาที่เราเข้ามาร่วมบริหารจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการส่งออกไปต่างประเทศ และการมีหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จัก N.R. Jewelry Factory มากขึ้น”

อย่างไรก็ตามเราเชื่อมั่นว่าหากสถานการณ์โลกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ หรือเลวร้ายไปมากที่เป็นอยู่นั้นก็คาดว่าเศรษฐกิจโลกก็จะเริ่มทยอยฟื้นตัว แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
ซึ่งจัดเป็น Luxury goods หรือสินค้าฟุ่มเฟือยนั่นเอง

“โฮมโปร” จัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง “HomePro Fun Walk 2024 Walk To Give…Give For Life” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับก้าววิ่งเป็นเงินสมทบทุน มอบให้กับศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร (HomePro) โฮมโปร เป็นประธานร่วม เดินหน้ารณรงค์ชวนพนักงานใส่ใจสุขภาพในโครงการ “HomePro Fun Walk 2024 Walk To Give…Give For Life” ปี 3 พร้อมต่อยอดตอบแทนสังคม โดยการเปิดแอปพลิเคชั่น Wirtual นับก้าวเดิน-วิ่ง ผ่านโครงการฯ เพื่อแปลงเป็นเงินบริจาค มอบสมทบทุนให้กับศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งเป้า 3,000,000,000 ก้าวต่อโครงการ มุ่งหวังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ลดโอกาสการเจ็บป่วย สร้างพฤติกรรมรักสุขภาพและผลักดันให้ทุกคนในองค์กร รวมถึงพันธมิตร คู่ค้า ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม ภายในงานได้รับเกียรติจากนางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย,
รศ.นพ.กฤษน์ จาฎามระ, นายสมหวัง โตรักตระกูล, นายอธิป ศิลป์พจีการ
และนายนิทัศน์ อรุณทิพย์ไพฑูรย์ ร่วมกิจกรรมด้วย ณ สวนวชิรเบญจทัศ วันนี้

#HomeProFunWalk2024 #WalkToGiveGiveForLife #ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม #โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์#สภากาชาดไทย #HomePro #homeprothailand #โฮมโปร #เรื่องบ้านโฮมโปรคือคำตอบ #Homepropr

AION Thailand จัดกิจกรรม Hyper SSR Trackday เชิญกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจ ร่วมสัมผัสสมรรถนะ Hyper SSR รถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100%รุ่นแรกของประเทศไทย

บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม Hyper SSR Trackday เชิญกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจ ร่วมสัมผัสและทดลองขับ Hyper SSR รถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ณ สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

กิจกรรม Hyper SSR Trackday จัดขึ้นเพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจรวมถึงสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำของประเทศไทย ร่วมเปิดประสบการณ์ และมีความเข้าใจผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและช่างเทคนิคจาก GAC AION ร่วมทดลองขับรถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า Hyper SSR เพื่อสัมผัสสมรรถนะของตัวรถอย่างใกล้ชิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย  

สำหรับแบรนด์ Hyper เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของ GAC AION โดยชื่อแบรนด์มีที่มาจากการคำภาษาอังกฤษ Hyper ซึ่งมีความหมายว่า “ความเหนือระดับและความล้ำสมัย” Hyper จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ และตราสัญลักษณ์ Hyper มีที่มาจาก “ลูกศร AI” เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนารถยนต์ที่มีคุณภาพและสมรรถนะที่ดีเยี่ยม

Hyper SSR ถือเป็นรถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ที่มีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศจีน โดยชื่อรุ่น SSR มีความหมายว่า Super / Sport / Race สื่อให้เห็นถึงความเหนือชั้นในทุกมิติ ทั้งในด้านของดีไซน์ภายนอก – ภายใน สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม เทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมด้วยจิตวิญญาณที่พร้อมสำหรับการแข่งขัน และพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าของโลก

หลังจากได้ยลโฉมและทดลองขับ Hyper SSR ในสนาม พีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างก็ตื่นตาตื่นใจในประสิทธิภาพและสมรรถนะ ทั้งในเรื่องของการควบคุม การเบรก รวมถึงดีไซน์ที่เฉียบคมและเป็นเอกลักษณ์ ของ SSR และได้สัมผัสอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ใน 1.9 วินาที ของ Hyper SSR ซึ่งถือได้ว่า “เร็วที่สุด” ในประเทศไทย ณ ขณะนี้ และคาดว่า Hyper SSR จะเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และตลาดโลก

ข้อมูลและรายละเอียด Hyper SSR

ดีไซน์ภายนอก (Exterior Design)

ด้วยปรัชญาการออกแบบภายนอกของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง Hyper SSR ได้แรงบันดาลใจจากด้านหน้าของ “เหยี่ยว” (The Falcon) และแนวคิด “นักรบหกเหลี่ยม” (Hexagonal Warrior) จากโครงสร้างตัวถัง Carbon Fiber และชุดล้อที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูงเกรดอากาศยาน (Aerospace Grade) ที่ผสมผสานความแข็งแกร่ง สุนทรีย์ศาสตร์และหลักอากาศพลศาสตร์เข้าด้วยกัน

Hyper SSR มาพร้อมดีไซน์ไฟหน้าแบบ LED รูปทรงตัว L ยาว ให้ความเป็นเอกลักษณ์อันเฉียบคม ที่ประสานระหว่าง เทคโนโลยีที่ดีที่สุด (Cutting-Edge Technologies) และ นวัตกรรมการออกแบบอันหรูหรา (Innovative Elegance) สามารถส่องสว่างได้อย่างอัจฉริยะ พร้อมไฟท้ายแบบ LED แนวยาว โดดเด่น สะกดทุกสายตา และชิ้นส่วนของช่องอากาศด้านท้าย (Diffuser) มีไฟตัดหมอกหลัง เพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็น

ด้านหน้า Hyper SSR มีช่องดักอากาศ (Air-inlet grille) แบบ Carbon Fiber ที่สามารถนำการไหลของอากาศหน้ารถ (Airflow) ไหลเข้าไปสู่ส่วนของระบบมอเตอร์ด้านหน้า (Front Compartment) และไหลอากาศไปยังส่วนล่างของกระจกบังลม โดยผสานการทำงานระหว่างดีไซน์ด้านข้างตัวรถ ที่สามารถจัดการการไหลของอากาศที่หมุนวนภายในรถทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดตั้งสปอยเลอร์ด้านหลังแบบอัตโนมัติ (Active Spoiler) สำหรับการจัดการอากาศ และสามารถสร้างแรงกดได้ถึง 100 กิโลกรัม ขณะขับด้วยความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับ Hyper SSR  คือ รูปลักษณ์อันโดดเด่น ที่มาพร้อมกับท่วงท่าการเข้า-ออก ที่รู้สึกถึงความสง่างาม โดย Hyper SSR นั้น มาพร้อมกับการเปิดประตูแบบปีกนกแบบอัตโนมัติ (Butterfly Door) สามารถกดปุ่มเพื่อเปิด-ปิดประตู และได้องศาประตูที่มากกว่ารถซูเปอร์คาร์ทั่วไป รวมไปถึงมีระบบป้องกันการหนีบเพื่อความปลอดภัย

Hyper SSR ถือเป็นยนตรกรรมที่ล้ำหน้าและทันสมัยที่สุดคันนึงแห่งยุค ทั้งในเรื่องของสมรรถนะและความอัจฉริยะของเทคโนโลยีต่างๆ รวมเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยการออกแบบตกแต่งด้วยตนเองแบบ Personalized ที่สามารถเลือกปรับได้ตั้งแต่ สีรถ (Body Color) สีคาลีเปอร์เบรค (Calipers Color) เป็นต้น 

ดีไซน์ภายใน (Interior Design)

การออกแบบภายใน ของ Hyper SSR เน้นความสปอร์ตสไตล์รถแข่งและวัสดุคุณภาพยอดเยี่ยม เน้นผู้ขับขี่เป็นหลัก (Driver – Centered Racing Style) มาพร้อมพวงมาลัยแบบรถแข่งทรงหกเหลี่ยม (Hexagonal Racing Steering Wheel) พร้อมปุ่ม Multifunction เบาะนั่งไฟฟ้าทรงสปอร์ต ปรับระดับได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat  และยังมีระบบดันหลัง ระบบเบาะอุ่น ทั้งเบาะคู่หน้าเต็มระบบ

ภายในมาพร้อมไฟส่องสว่างห้องโดยสารแบบ LED  พร้อมด้วยระบบไฟ Ambient Light หลากสีเพิ่มบรรยากาศการขับขี่ให้เร้าใจยิ่งขึ้น ฟังก์ชั่นระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ PM 2.5 ฯลฯ

Hyper SSR สามารถเลือกสไตล์การตกแต่งภายในห้องโดยสาร Personalized ได้อย่างอิสระ ตั้งแต่ การเลือกสีภายใน (Interior Color) การเลือกสีเข็มขัดนิรภัย (Safety Belt Color) สามารถเลือกได้ตามความต้องการ

เทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร (Cockpit System)

สำหรับเทคโนโลยีที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งาน ได้อย่างเต็มรูปแบบด้วยเทคโนโลยีห้องโดยสารอัจฉริยะ (ADiGO Intelligent Cockpit System)

ห้องโดยสารของ Hyper SSR ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผู้ขับขี่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นภายในรถได้เกือบทุกฟังก์ชั่นโดยไม่ต้องละมือออกจากพวงมาลัย มีจอสำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ ขนาด 8.8 นิ้ว แสดงข้อมูลแบบสามมิติ (3D Interface) เพื่อให้ผู้ใช้งานสัมผัสความรู้สึกเสมือนกำลังขับขี่อยู่บนรถแข่งจริงๆ

จอแสดงผลกลางขนาด 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อระบบออนไลน์ พร้อมฟังก์ชั่นการควบคุมภายในรถทั้งหมดของ Hyper SSR เช่น ปรับโหมดการขับขี่ ระบบสั่งการด้วยเสียง และระบบเรียนรู้การขับขี่อัจฉริยะผ่านระบบคอมพิวเตอร์ (Human-Computer Interaction) ที่จะเรียนรู้โหมดควบคุมการขับขี่ที่แตกต่างตามสภาพถนนจริงและสร้างประสบการณ์การขับขี่ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ระบบขับเคลื่อน (Drivetrain)

แบตเตอรี่ของ Hyper SSR มีขนาดอยู่ที่ 74.69 kWh ชนิดแบตเตอรี่ Ternary NMC (Nickel Manganese Cobalt) ที่มีประสิทธิภาพสูง มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 มอเตอร์ (1 มอเตอร์บริเวณด้านหน้า และ 2 มอเตอร์บริเวณด้านหลัง) กำลังขับเคลื่อนของระบบไฟฟ้าอยู่ที่ 900 kW ประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ที่ 1,225 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์แบบ 2 จังหวะที่มาพร้อมกับระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป (e-LSD) และสามารถเดินทาง ระยะทางสูงสุด 506 ก.ม.

เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของ Hyper SSR สามารถรองรับการชาร์จไฟแบบ AC และ DC และมีฟังก์ชั่นที่โดดเด่นกว่ารถซูเปอร์คาร์ทั่วไป คือ เทคโนโลยี V2L  เป็นระบบจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก ให้คุณเอ็นจอยกับการเดินทางนอกสถานที่ยิ่งขึ้น

ระบบความปลอดภัย (Safety)

      Hyper SSR จัดเต็มระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด ที่สามารถใช้งานได้ทุกสถานการณ์ มาพร้อมระบบ Circuit Protection System ซึ่งเป็นระบบตัดระบบกำลังไฟฟ้าทั้งหมดหลังการชน ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านท้าย เพื่อป้องกการกระแสไฟฟ้ารั่ว เพื่อความปลอดภัย, ระบบถุงลมนิรภัย Airbag ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง และด้านข้างเบาะโดยสาร

นอกจากนี้ Hyper SSR มีระบบเบรก คาร์บอนเซรามิกแบบพิเศษ (Carbon Ceramic Brake Disc Technology) ส่งผลให้ประสิทธิภาพการเบรคในความเร็วสูงสามารถทำได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงฟังก์ชั่นความปลอดภัย อาทิเช่น ระบบกันขโมย Anti-Theft System และระบบแจ้งเตือนประตูอัตโนมัติปิดไม่สนิท (Door Ajar Warning Alarm) ระบบเบรคมือไฟฟ้า (EPB) พร้อม Auto hold

Hyper SSR ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือความปลอดภัยเต็มพิกัดอย่าง Anti-Lock Brake System (ABS), Electronic Brakeforce Distribution (EBD) , Brake Assist (BA) , Hydraulic Brake Assist (HBA) , Hill Hold Control (HHC) , Braking Energy Recovery , CRBS (with proportion adjustable) , Tire Pressure Monitoring System (TPMS) ฯลฯ

เริ่มแล้วงาน “VICTAM Asia and Health & Nutrition Asia 2024”พร้อมแสดงนวัตกรรมสุดยิ่งใหญ่บนภูมิภาคเอเชีย

นาย เซบาส ฟาน เดน เอนเด้  (Mr. Sebas van den Ende) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วิคแทม คอร์ปอเรชั่น
ผู้จัดงาน VICTAM Asia ผสานความร่วมมืออีกครั้งกับ กลุ่มบริษัท วีเอ็นยูฯ เพื่อจัดงาน VICTAM Asia (วิคแทม เอเชีย), Health & Nutrition Asia (เฮลท์ แอนด์ นิวทริชัน เอเชีย), และ GRAPAS Asia (กราปาส เอเชีย) โดยงานแสดงสินค้าชั้นนำดังกล่าวนับเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมปศุสัตว์ สุขภาพสัตว์ โภชนาการสัตว์ และการแปรรูปฯ อย่างครบวงจร  รวมถึงเทคโนโลยีล่าสุดในการแปรรูปธัญพืช แป้ง และข้าว ควบคู่ไปกับความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืน โดยมี นายนิติพงศ์ เลาหวิศิษฏ์ รักษาการนายกสมาคมอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย
นายเกรียง แต้มชัชวาลย์ , นายนันทพล ตันติวงศ์อำไพ , นายณัฐ จรัญวัฒนากิจ  และคุณชญาพัฒน์ ทวีธวกรณ์
ร่วมเปิดงาน  ณ ฮอลล์ 100-102 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้

“อินฟอร์มา มาร์เก็ต” เดินหน้าจัดงาน “Cosmoprof CBE ASEAN 2024”   ร่วมจับมือพันธมิตรผลักดันงานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามระดับโลก

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ต ประเทศไทย  พร้อมด้วย นางสาวแองเจิล ฟู ผู้อำนวยการโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ต แถลงข่าวความร่วมมือกับพันธมิตรเดินหน้าจัดงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024  งานแสดงสินค้าความงามระดับโลก จากทุกมุมโลก ที่มาพร้อมกับเวทีฝึกอบรม จากผู้เชี่ยวชาญความงาม และผู้นำทางความคิดชั้นนำซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่จัดงานกว่า 22,000 ตารางเมตร โดยมีผลิตภัณฑ์ความงามร่วมงานกว่า 1,500 แบรนด์ จากนานาประเทศเข้าร่วมเป็นจำนวนมากโดยมี นางเกศมณี เลิศกิจจา , นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ,นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ , นายสุนัย วชิรวราการ และนายธัชพล วงษ์รักษา  ร่วมแถลงข่าว ณ โรงแรม โซ แบงคอก  เมื่อเร็วๆ นี้

“ถิรไทย” วางโรดแมปธุรกิจ 3-5 ปี ลุยตลาดหม้อแปลงไทย-ต่างประเทศ ทำรายได้ 5,000 ล้าน

บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายใหญ่ของประเทศ วางโรดแมปธุรกิจ 3-5 ปี ลุยตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าในไทยและต่างประเทศ ปูทางสู่รายได้ทะลุ 4,000-5,000 ล้านบาท เตรียมเจาะตลาดรีโนเวททั้งในอเมริกาและยุโรป เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ 50% ขณะที่แผนธุรกิจปี 67 เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานและการตลาด สร้างรายได้ใกล้เคียงกันทุกไตรมาส พร้อมลุยงานภาครัฐ มั่นใจทำรายได้ 2,590ล้าน เติบโต 20% หลังตุน Backlog กว่า 2,191 ล้านบาท

            นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุง หม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาด ของคนไทยเพียงแห่งเดียว เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจภายในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าว่า มีแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปีละ 10% จากการวางแผนการธุรกิจและการบริหารงานภายในที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,000-5,000 ล้านบาท โดยเฉพาะตลาดส่งออกจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนไม่ถึง 10%

โดยบริษัทฯ วางแผนเจาะตลาดในกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกา เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและหม้อแปลงมาอย่างยาวนานนับ 100 ปี ซึ่งจะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทดแทนของเดิมที่ใช้มานาน นอกจากนี้ เทรนด์การใช้ไฟฟ้าทั่วโลกยังมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มตามมาด้วย ถือเป็นโอกาสทางการตลาดสำหรับบริษัทฯ ในการทำตลาดในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงกลางปีนี้ และเริ่มรับรู้รายได้ในปีหน้าเป็นต้นไปด้วย

“ในปีนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตประมาณ 20% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 15% หลังจากนั้นตามแผนระยะ 3-5 ปีข้างหน้าคาดว่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 10% ซึ่งในอนาคตหากเป็นไปตามแผนที่บริษัทฯ ได้วางเอาไว้ อาจจะมีการลงทุนเพิ่มเพื่อรองรับแผนธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานภายในให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ด้วย”นายสัมพันธ์ กล่าว

ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี  2567 บริษัทฯ คาดว่าจะทำรายได้ 2,783 ล้านบาท โดยมีรายได้หลักมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) มีลูกค้าหลักเป็นหน่วยงานภาครัฐ อาทิ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) บริษัทเอกชนทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัททั่วไป ตลาดต่างประเทศทั่วโลก ธุรกิจการให้บริการ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ด้วย ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้ 2,590 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง (Non-Transformer) อาทิ รถกระเช้า, รถเครน, ถังหม้อแปลงไฟฟ้า และแบตเตอรีลิเธียม ที่คาดว่าจะทำรายได้ 193 ล้านบาท

            โดยบริษัทฯ มีงานประมูลและเสนอราคาทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่องมูลค่ากว่า 15,271 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จสร้างเป็นยอดขายและรายได้ประมาณ 20% ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ในปี 2567 อีก 2,352  ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 2,191 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลงอีก 161 ล้านบาทด้วย และในปี 2568 อีก 130 ล้านบาท

            นายสัมพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า ในปีนี้บริษัทฯ จะมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการบริหารการตลาด เพื่อให้ในแต่ละไตรมาสสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยไตรมาสละ 600 ล้านบาท ส่วนในปีหน้าจะเพิ่มให้แต่ละไตรมาสรับรู้รายได้ไตรมาสละ 700 ล้านบาท จากเดิมการรับรู้รายได้ของบริษัทฯ กระจุกตัวอยู่เฉพาะในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เป็นหลัก ซึ่งการบริหารจัดการให้ทุกไตรมาสมีรายได้เข้าอย่างสม่ำเสมอ เป็นการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและลูกค้าด้วย

            “ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ไม่ค่อยมีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทฯ มีแบ็กลอกตุนไว้ค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญลูกค้าในกลุ่มภาครัฐยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และกลับมาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ สำหรับการลงทุนและพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นคงในเรื่องของไฟฟ้า หลังจากหลายหน่วยงานดีเลย์การเบิกใช้งบประมาณมาหลายปี ส่วนภาคเอกชนหากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว การท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติ เชื่อว่าจะส่งผลในภาพรวมให้ภาคเอกชนกลับมาฟื้นตัวด้วยเช่นกัน”นายสัมพันธ์ กล่าวและว่า

            ส่วนผลการดำเนินงานในรอบปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อย ยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวม 2,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 391.12 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีรายได้รวม 1,719.57 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มการขายและบริการ จำนวน 2,084.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 390.41 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 1,693.82  ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น 533.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 342.46 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรขั้นต้น 190.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 126.74 ล้านบาท พลิกกลับมาเป็นกำไร จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าขาดทุน 94.91 ล้านบาท

“โฮมโปร” รณรงค์สร้างสุขภาพ จัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง “HomePro Fun Walk 2024 Walk To Give…Give For Life” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับก้าววิ่งเป็นเงินสมทบทุน มอบให้กับศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

โฮมโปร เดินหน้ารณรงค์ชวนพนักงานใส่ใจสุขภาพในโครงการ “HomePro Fun Walk 2024 Walk To Give…Give For Life” ปี 3 พร้อมต่อยอดตอบแทนสังคม โดยการเปิดแอปพลิเคชั่น Wirtual นับก้าวเดิน-วิ่งผ่านโครงการฯ เพื่อแปลงเป็นเงินบริจาค มอบสมทบทุนให้กับศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งเป้า 3,000,000,000 ก้าวต่อโครงการ มุ่งหวังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ลดโอกาสการเจ็บป่วย สร้างพฤติกรรมรักสุขภาพและผลักดันให้ทุกคนในองค์กร รวมถึงพันธมิตร คู่ค้า ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร (HomePro) เปิดเผยว่า “แนวคิดริเริ่มสำหรับโครงการ “HomePro Fun Walk 2024” ซึ่งปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เกิดจากความตั้งใจส่งเสริมและรณรงค์พนักงานในองค์กรและบุคลากรคู่ค้าให้ตระหนักถึงการใส่ใจดูแลสุขภาพ ด้วยการเดิน-วิ่ง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ลดอาการเจ็บป่วย ช่วยให้เกิดความพร้อมในการทำงาน อันเป็นจุดเริ่มของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อตนเองและครอบครัวต่อยอดไปสู่สังคมที่มีคุณภาพต่อไป

โดยโครงการครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมพนักงานโฮมโปรทั่วประเทศ รวมกว่า 8,700 คน ให้เกิดความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาสุขภาพ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากขาดการออกกำลังกาย พร้อมมีส่วนร่วมในหน่วยงานที่ตนเองที่สังกัดรวมจำนวน 152 ทีม ร่วมเดิน-วิ่ง โดยใช้แอปพลิเคชัน Wirtual เป็นเครื่องมือในการนับก้าว พร้อมแปลงเป็นเงินบริจาคมอบให้ ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เนื่องจากในประเทศไทยโรคมะเร็งเต้านม พบเป็นอันดับ 1 และเป็นสาเหตุต้นๆ ของการเสียชีวิต ในหญิงไทย ซึ่งปัจจุบันอัตราการพบโรคมะเร็งเต้านมมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 1 ใน 10 ของผู้หญิง มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านม

โครงการ HomePro Fun Walk 2024 Walk To Give…Give For Life เราจะก้าวเพื่อสมทบทุน ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2566 และจะสิ้นสุดในวันที่ 20 เมษายน 2567 รวมระยะเวลากว่า 4 เดือน โดยตั้งเป้าหมายรวมพลัง 3,000,000,000 ก้าวตลอดโครงการ ในโอกาสนี้ โฮมโปรจึงจัดกิจกรรมงานวิ่งที่สวนวชิรเบญจทัศ(สวนรถไฟ) ในวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2567 นำทีมโดยผู้บริหาร คู่ค้า พนักงาน พร้อมด้วยบรรดานักวิ่งรวมกว่า 1,200 คน มาร่วมสร้างพลังบวกในแคมเปญ HomePro Fun Walk 2024 Walk To Give…Give For Lifeในครั้งนี้ด้วย

ด้าน นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้  โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า “รู้สึกประทับใจในแนวคิดและความตั้งใจส่งเสริมสุขภาพพนักงานของโฮมโปรอย่างมาก  ที่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ปัจจุบันโรคมะเร็งเต้านมในประเทศไทยมีแนวโน้มของอุบัติการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษามะเร็งเต้านมโดยการผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัดและการฉายแสงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ มุ่งมั่นที่จะให้บริการผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ให้เทียบเท่าหรือสูงกว่ามาตรฐานระดับสากล เพื่อที่จะให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย  โดยทุกก้าวที่ถูกนับในโครงการครั้งนี้ จะถูกนำไปรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมต่อไป”

#HomeProFunWalk2024 #WalkToGiveGiveForLife #ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม #โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์#สภากาชาดไทย #HomePro #homeprothailand #โฮมโปร #เรื่องบ้านโฮมโปรคือคำตอบ #Homepropr