“เนสท์เล่”คว้า 2 รางวัล องค์กรที่น่าทำงานที่สุดในเอเชีย 2 ปีซ้อน และ“Thailand’s Most Admired Company 2020”สุดยอดองค์กรครองใจผู้บริโภค

เนสท์เล่ ตอกย้ำบริษัทผู้นำด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก คว้า 2 รางวัลใหญ่แห่งปี ได้แก่ รางวัลองค์กรดีเด่นที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2020 (HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2020) ในฐานะหนึ่งในองค์กรต้นแบบด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของเอเชีย และรางวัล Thailand’s Most Admired Company 2020 สุดยอดองค์กรครองใจผู้บริโภคในกลุ่มธุรกิจอาหาร สะท้อนความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับบุคลากรเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ควบคู่กับการพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและโภชนาการเหมาะสมให้แก่ผู้บริโภค

นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า “ในปีแห่งความท้าทายนี้ ทั้ง 2 รางวัล ถือเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรทุกคนในฐานะทรัพยากรที่สำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันยังสะท้อนถึงจุดเด่นของเนสท์เล่ที่สามารถนำเสนอนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มใหม่ ๆ เป็นรายแรกของตลาดเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย รวมถึงการให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จนทำให้เนสท์เล่ ประเทศไทย สามารถครองใจผู้บริโภคชาวไทย ด้วยปรัชญาในการทำงานภายใต้ Good food, Good life อาหารที่ดีเพื่อสุขภาพที่ดี เราต้องการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีโภชนาการที่ดี ควบคู่ไปกับความอร่อย เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง สอดคล้องเจตนารมณ์ของเนสท์เล่ (Nestlé Purpose) ในการเปิดพลังแห่งอาหารเพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับทุกคนในวันนี้และในอนาคต

เนสท์เล่ ประเทศไทย ได้รับรางวัล องค์กรดีเด่นที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน รางวัลนี้จัดโดยนิตยสาร HR Asia สื่อชั้นนำด้านธุรกิจ ในทวีปเอเชีย โดยผลการตัดสินพิจารณาจากการประเมินของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรม นักวิชาการ สื่อมวลชน ตัวแทนภาครัฐ รวมทั้งผลการสำรวจของพนักงานภายในองค์กร เพื่อตัดสินและคัดเลือกองค์กรชั้นนำที่ดีที่สุดและน่าทำงานด้วยในประเทศไทย ขณะที่รางวัล Thailand’s Most Admired Company 2020 เนสท์เล่ได้คะแนนโดดเด่นในด้านนวัตกรรม ภาพลักษณ์องค์กรและความรับผิดชอบต่อสังคม ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของเนสท์เล่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจผู้บริโภคชาวไทยออกสู่ตลาดอยู่เสมอ และด้วยพันธกิจของเนสท์เล่ในการมุ่งสร้างอนาคตที่ปลอดขยะด้วยการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดให้สามารถรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100% ภายในปี 2568 เนสท์เล่ จึงเป็นผู้นำในการนำเสนอนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

แมคโดนัลด์ จับมือกับ Gojek ต้อนรับเดือนพฤศจิกายน ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ พร้อมส่วนลดสูงถึง 50%

แมคโดนัลด์ นำโดย นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมคไทย จำกัด และนายปราโมทย์ งามเกริกโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แมคไทย จำกัด จับมือกับGojek ประเทศไทย นำโดย นายภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนางสาวเมธิณี โรจนปัญญากุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร การขาย และพาร์ทเนอร์ชิพ  มอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าแมคโดนัลด์และผู้ใช้ Gojek ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2563

ความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง แมคไทย ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารบริการด่วนภายใต้แบรนด์แมคโดนัลด์ในประเทศไทย และ Gojek ประเทศไทย ผู้นำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่นำเสนอหลากหลายบริการและการชำระเงินแบบออนดีมานด์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้ Gojek สามารถสั่งเมนูโปรดจากแมคโดนัลด์ได้สะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิมผ่านแอป Gojek พร้อมรับส่วนลดพิเศษมากมาย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

โดยผู้ใช้บริการสามารถรับส่วนลดสุดพิเศษที่จะมอบให้สูงถึง 50% ราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท สำหรับเซ็ตเมนูยอดนิยมมากมาย ได้แก่ ของกินเล่น อิ่มไก่อิ่มเบอร์เกอร์ เซ็ตดูโอ้ดีลักซ์ชีสเบอร์เกอร์ อิ่มเดี่ยวโดนใจ เซ็ตอิ่มคุ้มซามูไร ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน – 29 พฤศจิกายน 2563 พร้อมเพิ่มความพิเศษขึ้นอีกขั้น กับโปรโมชั่น McDonald’s Brand Week ลดพิเศษกว่าเดิมทั้งสัปดาห์ 50% กับเมนูโปรดหลากหลายตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน – 22 พฤศจิกายน 2563 ห้ามพลาดกับโอกาสที่จะได้อิ่มอร่อยกับเมนูโปรดมากมายในราคาสุดคุ้ม!

สั่งแมคโดนัลด์ ผ่าน Gojek ได้ง่ายและสะดวกกว่าเดิม ดาวน์โหลดแอป Gojek ได้แล้วทั้งทาง App Store และ Play Store

นับถอยหลังอีเว้นท์ใหญ่ส่งท้ายปี โฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 “ช้อปดีมีเพิ่ม” คุ้มค่าจัดเต็ม รับเพิ่ม 4 คุ้ม สินค้าลดสูงสุด 70%13-22 พ.ย. นี้ 10 วันเท่านั้น ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9-12

นับถอยหลังสู่งานมหกรรมสินค้าเพื่อบ้าน พร้อมกัน !! โฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 จัดใหญ่ !! ส่งท้ายปี !! ฉลองความคุ้มค่า ลดสูงสุด 70% ดื่มด่ำความพิเศษช่วงเวลาแห่งความสุขไปพร้อมกัน พบสินค้าและของตกแต่งบ้าน พร้อมปิ๊งไอเดียของขวัญสุดปัง เพื่อมอบให้คนพิเศษในทุกเทศกาล ร่วมเอาใจคนรักบ้าน สานต่อรับนโยบายรัฐฯ ในแคมเปญ “ช้อปดีมีเพิ่ม” ชวนช้อปสินค้าเรื่องบ้าน ได้สิทธิประโยชน์กลับคืนจัดเต็ม 4 คุ้ม ช้อปครบรับบัตรของขวัญโฮมโปรฟรี !! มูลค่าสูงสุดถึง 40,000 บาท พร้อมรับส่วนลด+รับเพิ่มสูงสุดกว่า 33% รวมผ่อนทั้งงาน 0% นานสูงสุดถึง 24 เดือน และพิเศษสุด สำหรับนักช้อปมือโปร เปิดมิติใหม่สไตล์ช้อปดีมีคืน กับการ “ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท” พร้อมรับใบเสร็จออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ ที่ทุกจุดบริการลูกค้าในงาน และขอย้ำกับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พบปะศิลปินในดวงใจอย่างใกล้ชิด!! ไม่ว่าจะเป็น เดี่ยว-สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล, อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และ ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ที่เดียวที่งานเอ็กซ์โป

พบกับมหกรรมช้อปคุ้มค่า แถมความสนุกจัดเต็ม ต้องมาถึงจะรู้ว่าคุ้มจริง ที่ โฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 ช้อปดีมีเพิ่ม 10 วันเท่านั้น ระหว่าง วันที่ 13-22 พฤศจิกายน 2563 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9-12

กระทรวงดิจิทัลโดยทีโอที ผนึกกำลัง สกพอ. ร่วมลงนาม MOU เดินหน้าให้บริการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม รองรับระบบ 5G เสริมความเข้มแข็งการลงทุนใน EEC ยกระดับภาคธุรกิจ และความเป็นอยู่ประชาชนอย่างยั่งยืน

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม เพื่อรองรับ ระบบสื่อสารต่างๆ และเทคโนโลยี 5G ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)โดย นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดย นายมรกต เธียรมนตรี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2563 ที่อาคาร 9 บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบโทรคมนาคมและดิจิทัล เพื่อรองรับการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยี 5G ที่จะช่วยกลุ่มอุตสาหกรรมลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศเพื่อดึงดูดนักลงทุนผู้ประกอบการทั่วโลกให้สนใจเข้าร่วมลงทุนใน EEC โดย สกพอ. ร่วมกับ ทีโอที เตรียมความพร้อมให้บริการระบบ 5G เต็มรูปแบบแก่ภาคอุตสาหกรรมและร่วมกับผู้ประกอบการภาคเอกชนรายอื่นๆ ในลักษณะการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน (Infrastructure Sharing)เพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อนระหว่างภาครัฐกับเอกชนใช้ทรัพย์สินของรัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่เป็นการผูกขาดทางธุรกิจ

ซึ่งทาง สกพอ. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกการดำเนินงาน พร้อมจัดหาโครงการลงทุนที่เกี่ยวข้อง กับ ทีโอที รวมทั้งส่งเสริมด้านสิทธิประโยชน์หน่วยงานรัฐและเอกชนที่ร่วมโครงการดังกล่าว โดยการดำเนินงานในระยะแรก ด้านพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมบริเวณเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ด้านพัฒนาชุมชนโครงการ เมืองอัจฉริยะบ้านฉาง ในพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยทีโอที มีเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และในระยะต่อไปการทำโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมเพื่อรองรับระบบสื่อสารรวมถึงเทคโนโลยี 5G จะดำเนินการคู่ขนานไปกับโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ในพื้นที่ EEC

ทั้งนี้ นายพุทธิพงษ์ ย้ำด้วยว่า เทคโนโลยี 5G เป็นนวัตกรรมสำคัญจะช่วยสนับสนุนและขยายโอกาสการสรรค์สร้างบริการดิจิทัลให้กว้างขวางและครอบคลุมตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากขึ้นในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยความเร็วสูงของสัญญาณอินเทอร์เน็ต ให้การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ มีความแม่นยำสูงและความผิดพลาดน้อยที่สุด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) และระบบการผลิตแบบอัตโนมัติ (Automation) ซึ่งจะจูงใจให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC รวมทั้งสามารถปรับใช้ในด้านอื่นๆ เช่น ด้านสาธารณสุขให้เข้าถึงการบริการรักษาการวินิจฉัยโรคแม่นยำ  ด้านการเกษตรเพาะปลูกพืชได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นมีมูลค่าสูง เก็บรักษาได้ยาวนาน เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นต้น ซึ่งบริการ 5G จะขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัลสู่ชุมชนครัวเรือนและระดับอุตสาหกรรม สร้างงานสร้างโอกาส ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ EEC อย่างยั่งยืน

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาบริการ 5G ในพื้นที่ EEC อย่างเต็มที่ ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมเชิงพาณิชย์ สามารถ  ต่อยอดบริการและใช้งานได้จริงในเศรษฐกิจระดับมหภาค สอดคล้องกับบทบาทของกระทรวงฯ ในการสร้างความเชื่อมั่นดึงดูดการลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆและอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเข้าสู่ประเทศไทยด้วยการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมบนเทคโนโลยี 5G ของภูมิภาค

แม็คโคร จับมือ เดซแพค ลงนามให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มครบวงจร ลดเวลา ลดต้นทุน เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ประกอบการ

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โดยนายยุทธนา เพียงสุนทร (ที่ 4 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารสินค้าอุปโภค จับมือ เดซแพค (Dezpax) สตาร์ทอัพผู้ให้บริการ Packaging Solutions ด้านอาหารและเครื่องดื่มครบวงจร จากเอสซีจี โดยนายปฐมพงศ์ ดีปัญญา (ที่ 4 จากขวา) Chief Executive Officer ลงนามบันทึกความร่วมมือการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มครบวงจร ตั้งแต่การนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพและหลากหลาย พร้อมบริการออกแบบและพิมพ์โลโก้ร้านแบบครบจบในที่เดียว ช่วยสร้างแบรนด์เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศ รองรับการเติบโตของตลาดฟู๊ดเดลิเวอรี พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านแพคเกจจิ้ง โซลูชันครบวงจร ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่

พร็อพเพอร์ตี้กูรูกรุ๊ป จัดใหญ่ เอ็กซ์โปอสังหาฯ นานาชาติ รูปแบบ Virtual ครั้งแรกในเอเชีย

งาน ‘Asia Virtual Property Expo’ จะพาผู้ร่วมงานพบกับอสังหาฯ ชั้นนำกว่า 300 โครงการ จาก 10 ประเทศ ทั้งในเอเชียและสหราชอาณาจักรที่จัดแสดงในรูปแบบเสมือนจริง โดยที่ผู้ซื้อ ผู้ขาย และเอเจนท์ได้พูดคุยสอบถามข้อมูลกันแบบเรียลไทม์

พร็อพเพอร์ตี้กูรูกรุ๊ป (พร็อพเพอร์ตี้กูรู หรือ เครือพร็อพเพอร์ตี้กูรู) บริษัทเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) ชั้นนำของเอเชีย และเป็นบริษัทแม่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของเมืองไทย ประกาศความยิ่งใหญ่ด้าน PropTech กับอีเวนท์ใหญ่แห่งปี ‘Asia Virtual Property Expo (เอเชียเวอร์ชวลพร็อพเพอร์ตี้เอ็กซ์โป)’ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2563 

งาน Asia Virtual Property Expo ครั้งนี้พลิกโฉมการจัดงานแสดงอสังหาฯ ระดับนานาชาติด้วยการนำเทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual) มาใช้ในการนำเสนอโครงการแบบเต็มรูปแบบครั้งแรกในเอเชีย ตอกย้ำความแข็งแกร่งของเครือพร็อพเพอร์ตี้กูรูในระดับภูมิภาค

ในงานนี้นอกจากจะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากผู้พัฒนาโครงการในประเทศที่เป็นตลาดหลัก ๆ ของเครือพร็อพเพอร์ตี้กูรู ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนามมานำเสนอแล้ว ยังมีโครงการคุณภาพจากกัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร เข้าร่วมอีกด้วย และด้วยความเป็นผู้นำด้าน PropTech ของเอเชียจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมงาน Asia Virtual Property Expo ได้รับประสบการณ์และข้อมูลต่าง ๆ จากผู้ประกอบการชั้นนำของไทยและเทศ รวมถึงเอเจนท์ ที่ครบถ้วนเหมือนได้เยี่ยมชมงานเอ็กซ์โปจากสถานที่จริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเข้าร่วมงานได้จากทั่วมุมโลกและสอบถามรายละเอียดกับโครงการที่เข้าร่วมแสดงในงานได้แบบเรียลไทม์

ไฮไลต์พิเศษของงาน ‘Asia Virtual Property Expo’ จะเป็นการเจาะลึกตลาดอสังหาฯ เพื่อช่วยให้ผู้ที่กำลังมองหาหรือจะซื้ออสังหาฯ ไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

โดยผู้ที่เข้าร่วมงานสามารถเข้าชมงานแบบเสมือนจริงในพาวิลเลียนทั้งหมด 5 ประเทศ โดยพาวิลเลียนของแต่ละประเทศจะประกอบไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัยจากบริษัทอสังหาฯ ชื่อดังที่เข้าร่วมแสดงในงานนี้ ที่จะมาพร้อมกับข้อเสนอและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ และสำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลโครงการเพิ่มเติม สามารถติดต่อพูดคุยกับตัวแทนจากโครงการได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีสัมมนาออนไลน์กว่า 40 หัวข้อ จากบรรดากูรูในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าชม

ในส่วนของพร็อพเพอร์ตี้กูรูเองก็ได้ขนนวัตกรรมและบริการที่น่าสนใจมานำเสนอให้กับผู้ที่สนใจ อาทิ แพล็ตฟอร์มการตลาดสำหรับผู้ประกอบการและเอเจนท์อสังหาฯ อย่าง PropertyGuru FastKey บริการและคำแนะนำด้านการเงินอย่าง PropertyGuru Finance รวมไปถึงแพล็ตฟอร์มรางวัลด้านอสังหาฯ ชั้นนำของเอเชียอย่าง Asia Property Awards ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค เอเจนท์ หรือบริษัทผู้พัฒนาโครงการ ได้รับประสบการณ์ครบถ้วนเสมือนร่วมงานเอ็กซ์โปอสังหาฯ นานาชาติอย่างแท้จริง

นางกมลภัทร แสวงกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาฯ อันดับ 1 ของไทยในเครือพร็อพเพอร์ตี้กูรู กล่าวว่า “การจัดงานแสดงที่อยู่อาศัยระดับนานาชาติในรูปแบบ Virtual ถือเป็นการพลิกโฉมประสบการณ์การเข้าชมอีเวนท์อสังหาฯ อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้รูปแบบการหาที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนไป มีการนำนวัตกรรมเสมือนจริง หรือ Virtual รวมไปถึงฟังก์ชั่นหรือตัวช่วยในรูปแบบดิจิทัลมาใช้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น จากเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้เอง เราจึงได้มาต่อยอดเป็นการจัดอีเวนท์ที่เชื่อว่าตอบโจทย์การหาบ้านในปัจจุบันและการใช้ชีวิตแบบ New Normal มากที่สุด ซึ่งนอกจากโครงการที่อยู่อาศัยจากผู้ประกอบการชั้นนำของภูมิภาคแล้ว เรายังได้นำนวัตกรรมและบริการของพร็อพเพอร์ตี้กูรูมาแนะนำให้กับผู้ที่เข้าชมงาน ตอกย้ำความตั้งใจของเราที่จะยกระดับธุรกิจอสังหาฯ ให้มีความเป็นดิจิทัลมากยิ่งขึ้น”

  • โครงการเด่นจากผู้ประกอบการชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ เอพี (ไทยแลนด์), ฮาบิแทท กรุ๊ป, เท็น ไทย ดีเวลลอปเม้นท์, แสนสิริ, ศุภาลัย และแอสเซทไวส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการจากบริษัทอสังหาฯ ชั้นนำจากสิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์, เมียนมาร์, ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร
  • PropertyGuru FastKey (โซลูชั่นส่งเสริมการขายแบบครบวงจรที่เชื่อมต่อระหว่างผู้พัฒนาโครงการ เอเจนท์ และผู้ซื้อ) ผู้เข้าชมจะได้ทำความรู้จักกับโซลูชั่นส่งเสริมการขายสำหรับตัวแทนขายหรือเอเจนท์ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีการนำเสนอฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่มีประโยชน์และอำนวยความสะดวกด้านการขายตั้งแต่การจัดการลีด (Lead) หรือข้อมูลลูกค้าผู้ให้ความสนใจในโครงการ ไปจนถึงการทำการตลาดเพื่อขายโครงการผ่าน Agent Marketplace ซึ่งเชื่อมต่อฐานข้อมูลเอเจนท์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากโครงการบ้าน-คอนโดฯ จากผู้ประกอบการชั้นนำของภูมิภาคแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเพื่อสอบถามข้อมูลภายในบูธโครงการจะได้สิทธิ์ลุ้นรางวัลพิเศษทุกสัปดาห์ สำหรับไฮไลต์ของรางวัลประกอบไปด้วย iPhone12, Samsung Galaxy Note 20, Samsung 4K สมาร์ททีวีขนาด 43 นิ้ว, จักรยาน Brompton, และเครื่องเล่น PlayStation 5 นอกจากนี้ผู้ที่ลงทะเบียนเพื่อแสดงความสนใจภายในบูธโครงการ 2,000 ท่านแรกจะได้รับคูปอง Grab มูลค่ารวมทั้งสิ้นเกือบ 390,000 บาทจากพร็อพเพอร์ตี้กูรูอีกด้วย

สัมผัสประสบการณ์งานแสดงบ้าน-คอนโดฯ นานาชาติรูปแบบใหม่ได้แล้ววันนี้ที่  Asia Virtual Property Expo

BSC STERITECH นวัตกรรมฆ่าเชื้อโรค และเชื้อโควิด-19 ทางเลือกใหม่เพื่อสุขอนามัยในครอบครัว จาก ICC

ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวไอเดียขับเคลื่อนวงการสุขภาพไทย นำเสนอ “BSC STERITECH (บีเอสซี สเตอริเทค)” นวัตกรรมย่อส่วนกระบวนการอิเล็กโทรไลต์ ด้วยส่วนผสมของเกลือและน้ำประปา ส่วนประกอบหลักจากธรรมชาติ 100% สร้างสารโซเดียมไฮโปคลอไรท์ ฆ่าเชื้อโควิด-19 ที่เห็นผลจริง!! รังสรรค์ได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ผ่านกระบวนการเพียง 5 ขั้นตอน ใส่ส่วนประกอบน้ำและเกลือตามปริมาณ, ใส่แท่งสเตอริเทคลงในภาชนะ, ตั้งเวลาตามสูตรที่ต้องการ, รอจนจบกระบวนการอิเล็กโทรไลต์ แล้วเทน้ำอิเล็กโทรไลต์ที่ได้ลงในขวดสเปรย์สำหรับการใช้งานเป็นอันเสร็จสิ้น ได้น้ำด่างบริสุทธิ์ที่ปราศจากสารเคมีอันตราย อ่อนโยนกับผิวหนัง ยับยั้งเชื้อโรคหลากหลายชนิด อาทิ โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่, สารเคมีคลอไพริฟอส และโพรฟิโนฟอส ที่ตกค้างในผัก รวมถึงแบคทีเรีย Samonella และ E.Coli ตอบโจทย์ความสะอาดครอบคลุมทุกการใช้งานในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ทำความสะอาดของเล่นเด็ก, ล้างผักผลไม้, ฉีดดักจับฝุ่นละอองในอากาศภายในบ้าน, ฉีดพ่นดับกลิ่น, ทำความสะอาดห้องครัว, ฆ่าเชื้อภาชนะบรรจุอาหาร และอีกมากมาย ด้วยนวัตกรรมที่สะอาด ปลอดภัย ตอบโจทย์สุขอนามัยของทุกคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

ลดทุกความกังวลจากโควิด-19 ด้วยนวัตกรรม BSC STERITECH สร้างน้ำอิเล็กโทรไลต์ เพื่อสุขอนามัยของครอบครัว ดูแลสุขภาพคนไทยเป็นที่แรกในโลกแล้ววันนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ Line: @happyage หรือติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.steritechbybsc.com หรือ www.facebook.com/bschappyage โทร. 02-296-9999

ครีเอทีฟ ทอล์ค คอนเฟอเรนซ์ เผยแนวโน้มว่า ปี 2564 ธุรกิจและการตลาด ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์

บริษัท ครีเอทีฟ ทอล์ค จำกัด โดยนายสิทธิพงษ์ ศิริมาศเกษม ผู้ก่อตั้ง จัดงานแถลงข่าว ครีเอทีฟ ทอล์ค คอนเฟอเรนซ์ 2021 อย่างเป็นทางการขึ้น ณ SEAC ห้อง The Capital ตึก FYI Center

นายสิทธิพงษ์ ศิริมาศเกษม ผู้ก่อตั้ง ครีเอทีฟ ทอล์ค คอนเฟอเรนซ์ เปิดเผยว่า ครีเอทีฟ ทอล์ค คอนเฟอเรนซ์ นั้น เรามีความตั้งใจจัดขึ้นต่อเนื่องในทุกปี เมื่อปี 2563 ที่เราได้จัดไปแล้วนั้น ได้รับการตอบรับและมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 5,000 คน เพื่อที่จะมาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และเตรียมตัวต้อนรับเทรนด์ต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ปีหน้าวางแผนจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ณ ไบเทค บางนา โอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก AP Thailand และ SEAC เป็นผู้สนับสนุนหลัก ร่วมด้วย Kerry Express, WISESIGHT และ Priceza งานในปี 2564 จะอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า “The Future Belongs to Your Creativity – อนาคตของคุณขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์” โดยเนื้อหายังคงนำเสนอใน 5 แกนเนื้อหาหลักคือ Creative, Marketing, Innovation, Entrepreneurship และ People Skill โดยมีเนื้อหาในหัวข้อที่เป็นความรู้เพื่อรับมือกับ 2021 อย่างเข้มข้น เช่น World Economy, China Opportunities, Silver Generation, Local Heroes, Data for Business, Digital Marketing เป็นต้น

ด้าน นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์และการสร้างสรรค์ บริษัท เอพีไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของงาน เสริมต่อว่า วิกฤต Covid-19 ที่เกิดขึ้นในปีนี้ได้ดิสรัปทุกอย่างในโลกนี้ ทั้งวิธีการทำงาน การดำเนินชีวิต การอยู่อาศัย และเชื่อว่าวิกฤตนี้จะยังอยู่กับคนทั้งโลก ไม่เพียงแต่คนไทยไปอีกนาน หากทุกคนยังไม่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดหรือหาองค์ความรู้ใหม่ๆ เราจะไม่สามารถใช้ชีวิต หรือสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเองหรือธุรกิจได้เลย ดังนั้น ทางเลือกเดียวที่จะผ่านมรสุมใหญ่นี้ได้คือ “ความคิดสร้างสรรค์” ซึ่ง เอพีไทยแลนด์ และเอสอีเอซี เชื่อว่าจะช่วย พาให้ทุกคนออกจากกล่องใบเดิม เปิดใจรับและค้นหาสิ่งใหม่ เพื่อสร้างอนาคตที่ทุกคนเลือกเองได้ไปด้วยกัน

นอกจากนี้ในงานแถลงข่าวยังเปิดการเสวนาเพิ่มเติมในหัวข้อเรื่อง “What’s Next for Ecommerce and Logistic” โดยนายวราวุธ นาถประดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Priceza

นายวราวุธ นาถประดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า Kerry Express เห็นพฤติกรรมการส่งพัสดุแตกต่างไปจากเดิม กล่าวคือมีลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการส่งพัสดุมาก่อนเพิ่มมากขึ้น เกิดจากช่วงล็อกดาวน์ได้ส่งของถึงกันด้วยความห่วงใยและเกิดผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่เลือกจะส่งสินค้าผ่านทางพัสดุมากยิ่งขึ้น รวมถึงฝั่งผู้รับเองก็เป็นผู้รับรายใหม่ๆ นั่นหมายถึงว่าผู้บริโภคเปิดใจทดลองสั่งสินค้าออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน

ส่วน นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Priceza ได้เผยถึงพฤติกรรมการจับจ่ายและการซื้อของผู้บริโภคและร้านค้าในปี 2563 ที่ผ่านมา ว่า ในแง่ของ B2C และ C2C E-Commerce มีแนวโน้มเติบโตขึ้นถึง 35% กล่าวคือ เติบโตขึ้นจาก 163,000 ล้านบาทเมื่อปี 2563 เป็น 220,000 ล้านบาท เมื่อสิ้นสุดปี 2563 ในช่วงล็อคดาวน์ ยิ่งเห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ชัดว่า สินค้าอุปโภคบริโภคมีอัตราการซื้อขายสูงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเกิดจากการที่ลูกค้าเรียนรู้ที่จะใช้ออนไลน์ช้อปปิ้ง แต่เมื่อผ่านช่วงล็อคดาวน์ไปแล้วนั้น อัตราของการซื้อของออนไลน์กลับไม่ได้ลดลงไปเลย นั่นหมายความว่า ผู้บริโภคเคยชินและชอบความสะดวกสบายใหม่นี้ และไม่อยากกลับไปซื้อสินค้าในรูปแบบไปซื้อเองแล้ว

เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและการใช้โซเชียลมีเดีย ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย นายกล้า ตั้งสุวรรณ CEO บริษัท Wisesight ผู้ให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดียอันดับหนึ่งของไทย กล่าวถึงพฤติกรรมการใช้สื่อ Social Media และการผลิตเนื้อหาในโลกออนไลน์ช่วงปีที่ผ่านมานี้ว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานี้อัตราการใช้ Social Media มีเพิ่มขึ้นมากโดยวัตถุประสงค์ในการใช้ไม่ได้เป็นไปเพื่อการแสดงออกความคิดเห็นหรือไลฟ์สไตล์เพียงอย่างเดียว แต่กลับใช้เพื่อการสื่อสารถึงกันแทนการเจอตัวกันมากขึ้น แพลตฟอร์มใหม่ๆ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มจากประเทศจีนเริ่มมีบทบาทชัดเจน เช่น TikTok ที่ทำให้เกิด Content Creator มือใหม่เกิดขึ้นมากมาย Brand จึงต้องพยายามสร้าง Conversation ร่วมกับ Audience เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต Online ของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่การเติบโตของ Social Media นี้ยังมีดาบสองคม คือการแสดงออกใน Social Media ในปีนี้เป็นการแสดงออกทางอารมณ์ ความคิด เป็นส่วนมาก ซึ่งผู้บริโภคต้องพิจารณาเนื้อหาที่ได้รับว่าอาจมีความแตกต่างทางความคิด และเราอาจจะได้รับข้อมูลเพียงบางส่วนจากเนื้อหาในโลกออนไลน์ทั้งหมด ดังนั้นการใช้ Social Media จึงต้องเป็นไปอย่างมีสติและสร้างเนื้อหาไปอย่างสร้างสรรค์

งาน Creative Talk Conference 2021 หรือ งาน CTC2021 กำหนดจัดงานขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ณ ไบเทค บางนา ภิรัช ฮอลล์ 1-3 โดยสามารถเข้าชมรายละเอียดการจัดงานและซื้อบัตรร่วมงานได้ที่ www.CTC2021.com หรือติดตามความคืบหน้าได้ผ่าน Facebook Fanpage “Creative Talk” และ LINE Official @creativetalk

SYS มอบทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษา และระดับอาชีวศึกษา ภาคตะวันออก จ.ระยอง

บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS ผู้ผลิตเหล็กเอชบีม ไวด์แฟรงค์ มานานมากกว่า 25 ปีโดย นายเจษฎา ปลั่งมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัดมอบทุนการศึกษาทุนละ 5,000 บาท จำนวน 200 ทุน ให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา 10 แห่ง และระดับอาชีวศึกษาภาคตะวันออก 5 แห่ง รวมเป็นเงินทุนการศึกษามอบทั้งสิ้น 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) ตามนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ในด้านการสนับสนุนการศึกษา ณ บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด (SYS1) จ.ระยอง เมื่อไม่นานมานี้

แม็คโคร ขนสินค้าราคาพิเศษ ร่วม “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ล็อต 7” ชูไฮไลท์ “ชุดอาหารทำทานเอง” รับเทศกาลเฉลิมฉลอง ตอบโจทย์พฤติกรรมนิวนอร์มอล

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ร่วมขบวนงานใหญ่ส่งท้ายปีกระทรวงพาณิชย์ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ล็อต 7” ขนทัพสินค้ากว่า 3,000 รายการ ลดสูงสุด 70%  ชูไฮไลท์เด็ด จัดสารพัดเซ็ตสินค้าอาหารพร้อมอุปกรณ์ทำทานเอง Happy Food @ Home  เพิ่มโอกาสผู้ประกอบการรายย่อย ต้อนรับฤดูกาลเฉลิมฉลอง ตอบโจทย์พฤติกรรมนิวนอร์มอล

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม็คโคร ได้เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ของกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่เริ่มดำเนินการในล็อตแรก (วันที่ 16 เม.ย. 2563) จนถึงล็อตที่ 7 ที่กำลังเกิดขึ้น โดยนำสินค้าอุปโภค บริโภค ที่จำเป็นมาลดราคามากกว่า 3,000 รายการ สูงสุดถึง 70% เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน ผ่านสาขาของแม็คโครทั่วประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง แม็คโครได้จัดเซ็ตสินค้าอาหารพร้อมอุปกรณ์ทำทานเอง Happy Food @ Home ในราคาพิเศษมาจำหน่าย เพิ่มโอกาสการขายให้ผู้ประกอบการรายย่อย ตอบรับพฤติกรรมนิวนอร์มอล

“Happy Food @ Home เป็นกลยุทธ์ที่เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมนิวนอร์มอลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผู้คนหันมาทำอาหารทานเอง แม็คโครจึงได้จัดเซ็ตสินค้าอาหารเพื่อการทำทานเองเป็นหมู่คณะ ล่าสุดได้จัด ชุดส่งสุข ปาร์ตี้@โฮม มานำเสนอในช่วงวันที่ 16 พฤศจิกายน -16 ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงแรกเริ่มแห่งการเฉลิมฉลอง และเป็นการเพิ่มโอกาสการขายให้กับผู้ประกอบการรายย่อย หรือผู้ที่กำลังมองหาของขวัญ หรือไอเดียสำหรับการจัดงานปาร์ตี้ในราคาเข้าถึงง่าย เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจ”

สำหรับ ชุดส่งสุข ปาร์ตี้ @ โฮม ประกอบด้วย  หม้อทอดไร้น้ำมัน พร้อมชุดอาหารแช่แข็ง กระเป๋าเก็บความเย็น ในราคาเพียง 1,290 บาท จากราคา  2,135 บาท โดยกลยุทธ์ Happy Food @ Home จะจัดอย่างต่อเนื่องทุกเดือนในธีมที่แตกต่างกัน “แม็คโครและกระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายร่วมกัน ในการลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งกลุ่มลูกค้าของแม็คโครเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ธุรกิจอาหาร ธุรกิจโฮเรก้า การลดราคาสินค้าซึ่งเป็นราคาขายส่งอยู่แล้ว จึงเท่ากับส่งเสริมให้การขายปลีกในร้านค้ารายย่อยมีราคาถูกลง ส่วนการสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดในรูปแบบของ Happy Food @ Home ยังช่วยตอบรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล เพิ่มโอกาสและส่งเสริมการขายสินค้าอาหารแช่แข็งให้กับผู้ประกอบการรายย่อยที่มีตู้ครัวชุมชนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” นางศิริพร กล่าว