ซีเล็ค x อาฟเตอร์ยำ ยืนหนึ่งเรื่องทูน่า ปะทะตัวแม่เรื่องเมนูยำ วางจำหน่ายแล้ว! ร้านยำในกระแสวันนี้มาอยู่ในกระป๋อง ไม่ต้องเข้าคิวแค่เข้าครัว

พบกับการรวมตัวครั้งสำคัญของซีเล็ค ทูน่า (SEALECT TUNA) แบรนด์ปลากระป๋องทูน่าอันดับหนึ่ง ภายใต้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตทูน่ากระป๋องอันดับ 1 ของโลก และเป็นผู้นำอาหารทะเลระดับโลก กับอาฟเตอร์ยำ (AFTER YUM) ร้านยำยอดนิยมอันดับหนึ่ง มาเป็นซีเล็คทูน่า สูตรอาฟเตอร์ยำ ที่ให้คุณได้ DIY ความอร่อยตามใจชอบ เพียงเติมพริก บีบมะนาว ก็อร่อย ฟิน เหมือนไปกินที่ร้าน เพราะ ซีเล็ค X อาฟเตอร์ยำ ใครทำก็อร่อย มีวางจำหน่ายแล้วที่บิ๊กซี เซเว่นอีเลฟเว่นทั้งหน้าร้านและออนไลน์ และซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ ใน 2 ขนาด ได้แก่ 140 กรัม ราคา 69 บาท และ 80 กรัม ราคา 39 บาท และติดตามการเปิดตัวแบบ New Normal พร้อมกันทั้งประเทศ 29 มกราคมนี้ เวลา 19.00 น. ในรายการ WOODY TALK SHOW ทาง Facebook และ Youtube ช่อง WOODY จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวู้ดดี้ โดน เจนนิเฟอร์ คิ้ม ยำกลาง LIVE แถมมีความพิเศษจากแบรนด์ซีเล็ค ที่เตรียมมาเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนรายการในขณะที่ชมไลฟ์สดอีกด้วย บอกได้เลยว่า ห้ามพลาด!

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เฟซบุ๊ก SEALECT

(www.facebook.com/sealectbrand)

บีทูเอส ต้อนรับเปิดเทอม จัดแคมเปญพิเศษให้น้องๆ “ไปโรงเรียน แบบ SAVE SAFE” ประหยัด ปลอดภัย สบายกระเป๋าคุณพ่อคุณแม่”

บีทูเอส ช่วยผู้ปกครองประหยัดรับเปิดเทอม พร้อมจัดแคมเปญพิเศษให้คุณพ่อ คุณแม่ และน้องๆ “ไปโรงเรียน แบบ SAVE SAFE” ประหยัด ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19  ยกขบวนสินค้าต้อนรับเปิดเทอมกว่า 20,000 รายการ ลดราคาสูงสุด 50% พร้อมของแถมสุดพิเศษ และเพื่อเป็นการสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า สามารถซื้อสินค้าในหมวดหมู่ back to school แบบออมนิชาแนลได้ทั้งการช้อปได้ทั้งหน้าร้านและผ่านเวปไซต์ www.b2s.co.th  ช้อปผ่านเฟซบุ๊ก B2Sthailand จัดส่งถึงที่, แชท&ช้อปผ่านไลน์สาขา B2S ทั่วประเทศ, ช้อปผ่าน JD Central พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุด ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม  – 25 กุมภาพันธ์ 2564

นายอเล็กซองด์ ฮัมเมล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีทูเอส จำกัด กล่าวว่า “แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในรอบนี้ ดูเหมือนทุกคนจะเริ่มรู้วิธีที่จะตั้งรับและป้องกันตนเองได้ดียิ่งขึ้น แต่การกลับมาเปิดเรียนอีกครั้งของโรงเรียนส่วนใหญ่ทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ยังถือเป็นการเปิดเรียนที่ทั้งโรงเรียน ทั้งผู้ปกครอง และนักเรียนเองต้องให้ความร่วมมือกันอย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนตนและส่วนรวม นอกเหนือจากเรื่องความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดแล้ว บีทูเอสยังเล็งเห็นถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่ผู้ปกครองหลายๆ คนต้องเผชิญ จึงจัดรายการสินค้า หนังสือ เครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียนรู้ในราคาพิเศษ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ปกครอง และเด็กๆ จะได้ซื้อสินค้าที่จำเป็นสำหรับการเรียน การสอน ในราคาที่ดี ประหยัด ด้วยช่องทางการซื้อที่สะดวก และปลอดภัยที่สุด”

พบกับโปรโมชั่นพิเศษ ที่จะช่วยให้ผู้ปกครองประหยัด และปลอดภัยมากกว่า  อาทิ

  • ชุดเครื่องเขียนเอาใจน้องๆ ราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 39 บาท   เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ*
  • ปากกาลูกลื่น เจล มาร์กเกอร์ ไฮไลท์ ด้ามเดี่ยว  ซื้อ 7 ฟรี 1*
  • สมุดโน้ต ซื้อ 3 ฟรี 1*
  • อุปกรณ์ศิลปะ ชุด Set MONT MARTE ที่ร่วมรายการ ลดสูงสุด 50%
  • เครื่องพิมพ์ HP DeskJet 1210  ราคาพิเศษ 799 บาท จากราคาปกติ  1290 บาท
  •  หนังสือเตรียมสอบ คู่มือเรียน ซื้อเล่มที่ 2 ลด 10%  (ลดเล่มที่ถูกที่สุดในใบเสร็จ)

นอกจากนี้ บีทูเอส ยังเตรียมสินค้าพร้อมโปรโมชันพิเศษเพื่อรองรับการเรียนหนังสือออนไลน์อาทิ E-reader อุปกรณ์ไอที หูฟัง และสินค้าในกลุ่มที่จะช่วยลดความเสี่ยง และป้องกันการติดเชื้อโควิดสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ เจลล้างมือ หน้ากากอนามัยสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เฟซชิลล์สำหรับเด็ก สเปรย์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือขนาดพกพา รวมถึงยังมีชุดของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กในราคาพิเศษต่างๆ อีกมากมายให้เลือกซื้อ

พบกับความสนุกในการช้อปปิ้งสินค้ารับเปิดเทอม ได้แล้ววันนี้ที่บีทูเอสทุกสาขาทั่วประเทศ หรือทางบีทูเอส ออนไลน์ชอปปิ้ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bsthailand.com และhttps://www.facebook.com/B2S Thailand

SAPPE เปิดมิติใหม่ ส่ง All Coco x You& I Premium Suki Buffet เสิร์ฟประสบการณ์บริโภคมะพร้าวน้ำหอม เข้าร้านบุฟเฟ่ต์ระดับพรีเมี่ยม

‘บมจ.เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE เสิร์ฟประสบการณ์ใหม่ ร่วมมือกับพันธมิตรร้านอาหาร You& I Premium Suki Buffet ส่งมะพร้าวน้ำหอมแบรนด์ All Coco เป็นวัตถุดิบหลักในเมนูน้ำซุปสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของน้ำมะพร้าวน้ำหอม 100% เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ใส่ใจในการกิน ขยายฐานลูกค้าใหม่ที่พร้อมจ่ายเพื่อคุณภาพ เตรียมให้ลิ้มลองรสชาติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านช่องทาง delivery ของ You& I และร้านอาหาร You& I Premium Suki Buffet ทุกสาขา

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคควบคู่กับแนวโน้มการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มในปัจจุบัน พบว่า กลุ่มผู้บริโภคในไทยและต่างประเทศต่างมีความต้องการบริโภคน้ำมะพร้าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากกระแสเทรนด์สุขภาพทั่วโลก ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ตรงกับคุณประโยชน์ของน้ำมะพร้าว ที่ให้ทั้งความสดชื่น เสริมสร้างคอลลาเจน มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกาย มีแคลอรี่ต่ำ จึงทำให้น้ำมะพร้าวเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงต้นปี 2563 การขนส่งสินค้าเกิดความล่าช้า หลังเกิดการการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้สินค้าเกษตรของไทยหลายชนิดที่พึ่งพาตลาดส่งออกได้รับผลกระทบในวงกว้าง และประสบภาวะราคาผลผลิตตกต่ำในบางช่วง โดยเฉพาะมะพร้าว ซึ่งผลผลิตของไทยส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปยังประเทศจีน สหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรป ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวโดยการแปรรูปมะพร้าวหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทดแทน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า บริษัทฯ มองเห็นโอกาสและเกิดความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่จากน้ำมะพร้าวน้ำหอม 100% ที่สามารถดื่มสดๆ ได้ หรือนำไปประกอบอาหาร โดยพบว่าในต่างประเทศชาบูน้ำมะพร้าวเป็นที่นิยมมาก เพราะมีรสชาติหวาน หอม และแปลกใหม่ แต่ยังไม่แพร่หลายในประเทศไทยเนื่องจากมีต้นทุนสูงกว่าน้ำซุปแบบปกติ จึงได้ร่วมกับบริษัท ยู แอนด์ ไอ กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจร้านอาหารสุกี้ระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ You& I Premium Suki Buffet โดยร่วมกันคิดค้นกรรมวิธีทำให้น้ำมะพร้าวน้ำหอมของแบรนด์ All Coco สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นวัตถุดิบหลักในเมนูน้ำซุปสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของน้ำมะพร้าวน้ำหอม 100% เพื่อยกระดับความอร่อย

สำหรับเมนูซุปน้ำมะพร้าวน้ำหอม 100% จากแบรนด์ All Coco ได้รับการสร้างสรรค์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะมาพร้อมกับรสชาติหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ที่แปลกใหม่โดยเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติแท้ๆ ซึ่งทาง All Coco ได้จัดเตรียมทำแผนการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้สู่กลุ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ในร้านอาหาร You& I Premium Suki Buffet โดยร่วมเป็นพันธมิตร ทำโปรโมชั่น เมื่อสั่ง ชุดบุฟเฟ่ต์ชาบูซุปกระดูกหมูมะพร้าวน้ำหอม (Exclusive เฉพาะสาขาเอ็มควอเทียร์ และสาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์) รับน้ำมะพร้าวน้ำหอมออร์แกนิกส์ 100% 1 ขวด และพุดดิ้งมะพร้าวน้ำหอม 1 ถ้วย ส่วนช่องทาง Delivery เมื่อสั่งหม้อไฟไฮเทคซุปกระดูกหมูมะพร้าวน้ำหอม ครบ 500 บาท รับน้ำมะพร้าวน้ำหอมออร์แกนิกส์ 100% 1 ขวด (Exclusive มีจำนวนจำกัด) โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป ผ่านการสั่งซื้อช่องทาง delivery ของ You& I หรือที่ร้านอาหาร You& I Premium Suki Buffet ทุกสาขา

 นางวราภรณ์ มนัสรังษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออลโคโค กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ฐานลูกค้าของ All Coco ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นกลุ่มที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและการบริโภคอาหาร ซึ่งมีแนวโน้มเลือกบริโภคสินค้าที่ดีที่สุดในตลาด และยอมจ่ายในราคาที่สูงกว่าเพื่อให้ได้คุณภาพสินค้าที่ดีที่สุด แม้เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มหรือ Niche Market ที่มีสัดส่วนไม่มาก เมื่อเทียบกับผู้บริโภคส่วนใหญ่ แต่บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมใกล้เคียง คือกลุ่มที่ใส่ใจการเลือกรับประทานอาหารยอมจ่ายเพื่อคุณภาพ ให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์บริโภคมะพร้าวที่หลากหลาย ภายใต้แบรนด์ All Coco ในรูปแบบต่างๆ ผ่านความร่วมมือครั้งนี้

“เราอยากให้เมนูซุปน้ำมะพร้าวน้ำหอม กลายเป็นเมนูที่ถูกพูดถึง และบอกต่อ โดยเราต้องการสร้างสีสัน เพิ่มความแปลกใหม่ให้กับตลาด ทั้งตลาดคนกินปิ้งย่างชาบูเอง หรือตลาดน้ำมะพร้าวเอง ให้เกิดการรับรู้ นำไปสู่การทดลอง และบอกต่อประสบการณ์ รวมไปถึงเป็นอีกหนึ่งในน้ำซุปที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ของกลุ่มที่รักชาบู หรือกลุ่มที่ดูแลสุขภาพต่อไป” นางวราภรณ์ กล่าว

สำหรับสาขาของ All Coco ในปัจจุบัน ยังคงกระจายอยู่ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ โดยเน้นในเขตกรุงเทพฯ เป็นหลัก นอกจากนี้ อยู่ระหว่างวางแผนปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่าย และขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และ Delivery มากขึ้น โดย All Coco ถือเป็นแบรนด์สินค้าที่มีความแข็งแกร่ง ทำให้มีลูกค้าประจำคอยถามหา ติดตาม และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอยู่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะขายสินค้าในช่องทางใดก็ตาม ดังนั้นโจทย์ของ All Coco ในปีนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องของการขยายสาขา เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวหายไป รวมถึงลูกค้าคนไทยหลีกเลี่ยงมาเดินห้างสรรพสินค้า ซึ่งบริษัทฯ เน้นในเรื่องของการรักษาฐานลูกค้าเดิม และต้องเร่งหาช่องทางการจัดจำหน่ายและสร้างรายได้ใหม่ๆโดยเร็ว

BERTOLLI® launches first commercial specifically for Thai market

BERTOLLI®, the world’s number one olive oil brand, has today launched its first creative commercial produced locally in Thailand to celebrate the brand’s long-standing connection with the country and its people.

The company revealed the video as part of its New Year celebrations on the Bertolli Thailand Facebook Page at http://facebook.com/BertolliTH. To signify the launch, Bertolli is running a special interactive giveaway of Extra Light Tasting 250ml bottles, running from today to February 3rd 2021.   

The video advertisement featuring local talent presents the heartwarming relationship between a mother and her son who prepares a surprising meal of her usual dishes with a healthy twist. With families jointly making decisions on groceries, the video’s setting of a Thai family kitchen and dining table was also carefully chosen.

The video continues Bertolli’s close relationship with Thais and their households, following on the footsteps of its innovative Messenger Chatbot campaign in October and November last year, and at a time when people are spending more time at home and cooking together with their families.

It also comes at a pivotal moment for DEOLEO GLOBAL S.A.U., with the company looking to build on its 12% YoY growth by volume in Thailand by continuing to feature real stories of Thai people in 2021.

“After more than 30 successful years in the market, we are delighted to feature a real-life, relatable scenario that will resonate with our consumers in Thai language as our first local commercial. Our goal is to show how important Thailand is to us and how we will continue to evolve our products and service to offer the highest quality olive oil as an industry leader. We hope the video will resonate with our Thai base and will help bring the Bertolli message closer to their hearts,” said Jose Maria-Sagrado Jimenez, International Marketing Director, DEOLEO GLOBAL S.A.U.

The video also emphasizes olive oil’s versatility and suitability for cooking Thai dishes, including high heat dishes, while also highlighting its immense health benefits. With consumer attitudes and preferences changing towards healthier options, olive oil contributes positively to strengthening the body’s immune system, helping prevent cardiovascular diseases and obesity[1], and is high in antioxidants and monosaturated fats to lower blood pressure and decrease the risk of heart disease.

With its variety of Bertolli Extra Light Tasting, Bertolli Olive Oil and Bertolli Extra Virgin, Thais inspired by the video can easily prepare any type of Thai dish regardless of the cooking technique – be it deep frying, stir frying, salads, marinades, roasting or even baking. By changing to Bertolli olive oils, Thais can enrich every Thai favourite dish by creating a much healthier alternative.

You can watch the brand new Thai-language commercial at the Bertolli Thailand Facebook Page at https://www.facebook.com/BertolliTH/.


เบอร์ทอลลี่ปล่อยคลิปวิดีโอสั้นชิ้นแรก หวังเจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะ

  • เบอร์ทอลลี่หวังเพิ่มยอดขายในไทยที่เติบโตสูงถึงร้อยละ 12 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน
  • วิดีโอใหม่ล่าสุดจากเบอร์ทอลลี่กับครั้งแรกของบทบาทการนำแสดงโดยคนไทย
  • รับชมเรื่องราวความยาว 2 นาทีครึ่งเกี่ยวกับช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารอันน่าประทับใจภายในครอบครัวที่ยังสื่อถึงประโยชน์ทางโภชนาการและความอเนกประสงค์ของน้ำมันมะกอก
  • คลิปสั้นดังกล่าวได้เน้นย้ำความผูกพันของแบรนด์เบอร์ทอลลี่กับผู้บริโภคในประเทศไทยที่มีมายาวนาน และยังสะท้อนถึงการเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของผู้คนในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เบอร์ทอลลี่® แบรนด์น้ำมันมะกอกอันดับหนึ่งของโลกเปิดตัววิดีโอสั้นชิ้นแรกที่ถ่ายทำในประเทศไทยเพื่อเฉลิมฉลองความเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้บริโภคชาวไทยที่มีมาอย่างยาวนาน

เบอร์ทอลลี่ได้เผยโฉมวิดีโอตัวใหม่นี้ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองรับต้นปีผ่านทางเพจ http://facebook.com/BertolliTH และยังได้จัดแคมเปญแจกของรางวัลสุดพิเศษกับผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกชนิด Extra Light Tasting ขนาด 250 มิลลิลิตร เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์​ 2564

วิดีโอโฆษณาซึ่งนำแสดงโดยนักแสดงชาวไทยชิ้นนี้ยังได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่แสนอบอุ่นระหว่างคู่แม่ลูก โดยลูกชายได้ลงมือจัดเตรียมอาหารมื้อพิเศษที่พลิกแพลงสูตรอาหารจานโปรดของแม่ให้เป็นมิตรกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น เรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปโดยมีฉากหลังเป็นห้องครัวและโต๊ะรับประทานอาหารในแบบไทยๆ ขณะที่คู่แม่ลูกพูดคุยเพื่อมองหาวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ

คลิปสั้นล่าสุดจากเบอร์ทอลลี่ได้สะท้อนให้เห็นถึงใกล้ชิดของแบรนด์และผู้บริโภคชาวไทย โดยเป็น      อีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่ต่อยอดมาจากความมุ่งมั่นล่าสุดของแบรนด์ในการช่วยให้คำแนะนำและบอกต่อ        แนวทางการเลือกใช้น้ำมันมะกอกชนิดต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์สำหรับลูกค้าที่อาจต้องใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้นกับ Messenger Bot ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

ปีนี้ยังถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับดีโอเลโอ โดยบริษัทได้ประกาศตัวเลขยอดขายในไทยที่เติบโตสูงถึงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พร้อมมุ่งสานต่อความสำเร็จในประเทศไทยผ่านการบอกเล่าเรื่องราวที่เชื่อมเข้ากับวิถีชีวิตจริงของผู้คนในปี พ.ศ. 2564 นี้

“หลังจาก 30 ปีแห่งความสำเร็จ เรายินดีที่ได้มีโอกาสนำเสนอเรื่องราวที่สามารถสะท้อนไลฟ์สไตล์จริงที่ผู้บริโภคชาวไทยสามารถสัมผัสและเชื่อมโยงได้กับตนเอง โดยเป็นวิดีโอสั้นชิ้นแรกที่ถ่ายทอดเรื่องราวเป็นภาษาไทยและผ่านมุมมองของคนไทย จุดประสงค์ของเราคือการเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยที่มีต่อแบรนด์ และประกาศความมุ่งมั่นในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมในการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เพื่อส่งมอบน้ำมันมะกอกคุณภาพสูง เบอร์ทอลลี่หวังว่าวิดีโอนี้จะสามารถสื่อถึงใจผู้บริโภคชาวไทย และช่วยให้สร้างความผูกพันกับแบรนด์ของเราให้ได้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น” นายโฮเซ่ มาเรีย เซกราโด ฮิเมเนส ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ ของดีโอเลโอ กล่าว

เรื่องราวในคลิปสั้นนี้ยังได้แสดงให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์กรรมวิธีการประกอบอาหารไทยอันหลากหลายของน้ำมันมะกอก ซึ่งรวมถึงการปรุงอาหารโดยใช้ความร้อนสูง และยังเน้นย้ำคุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่น เพื่อตอบรับกับเทรนด์การบริโภคอาหารแบบคำนึงถึงสุขภาพที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ น้ำมันมะกอกถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงและภาวะน้ำหนักเกิน[1]นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งสามารถช่วยลดความดันและความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ

ด้วยตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันมะกอกเบอร์ทอลลี่สูตร Extra Light Tasting สูตรธรรมดา และสูตร Extra Virgin กับแรงบันดาลใจจากวิดีโอชิ้นนี้ จะช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยเลือกทำอาหารเมนูต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น การทอด ผัด ปรุงสลัด หมัก ย่าง หรือแม้กระทั่งใช้กับเมนูของหวาน การหันมาใช้น้ำมันมะกอกเบอร์ทอลลี่เป็นส่วนหนึ่งในกรรมวิธีการทำอาหาร นอกจากจะช่วยเสริมความอร่อยให้กับเมนูอาหารไทยจานโปรดแล้ว ยังสนับสนุนสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภคชาวไทย

สามารถดูวิดีโอล่าสุดในภาษาไทยได้ที่เพจ Bertolli Thailand  https://www.facebook.com/BertolliTH/

BEAUTY เผยแผนปี 2564 ตั้งเป้าเทิร์นอะราวน์ รายได้เติบโต 5 %

BEAUTY เผยแผนปี 2564 ตั้งเป้าเทิร์นอะราวน์ รายได้เติบโต 5 % ( Conservative Growth )รักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 5% ชู 3 กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ Re-structure, Re-new, Re-model ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการครั้งใหญ่ มุ่งเน้นขยายช่องทางจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ  พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ พร้อมลดต้นทุนการผลิต การขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารลงอย่างมีนัยสำคัญ พัฒนาตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง จับมือพันธมิตรจีนพัฒนาสินค้าใหม่ มาร์จิ้นสูง เร่งผลักดันยอดขายเต็มสูบ

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวภายใต้แนวคิด Live a Beautiful Life เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทมีการปรับกลยุทธ์และแผนธุรกิจตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการครั้งใหญ่ ลดต้นทุนการผลิต การขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลงอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมทั้งลดขนาดองค์กรให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้ยังได้ปรับรูปแบบช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่เพื่อเป็นฐานการขยายตลาดต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2564 บริษัทวางเป้าหมายผลประกอบการกลับมาทำกำไร มีฐานะทางการเงินและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง พร้อมพัฒนาธุรกิจให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น  ขณะที่รายได้รวมปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือตั้งเป้าเติบโต 5% ( Conservative Growth ) และรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5% โดยบริษัทได้กำหนด 3 กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบด้วย

1. ปรับโครงสร้างบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ (Re-structure) : ปรับโครงสร้างบริหารจัดการภายในองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทั้งระบบ พร้อมลดต้นทุนการผลิต การขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาว

2.มุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง (Re-new): ปรับกลยุทธ์ตลาดในประเทศ มุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง และมีโอกาสในการเติบโต ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะการเปิดสาขาร้านค้าปลีก ดังนี้

ช่องทางสินค้าอุปโภค (Consumer Product) กลุ่มสินค้า Fast Moving Consumer Goods ( FMCG )เจาะกลุ่มผู้ค้าส่งเครื่องสำอางรายใหญ่ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่   ( Local Distributor ) โดยในปีนี้มีแผนแต่งตั้ง Distributor รายใหญ่ 8 รายที่มีเครือข่ายครอบคลุมกว้างขวาง  พร้อมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าประจำวันและสุขภาพ

                – ช่องทางร้านค้าปลีก (Retails) ปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโตและมีค่าใช้จ่ายสูง เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์และช่องทางการจำหน่ายอื่นๆที่มีประสิทธิภาพเข้ามาทดแทน อาทิเช่น 1. Retail Online เปลี่ยนพนักงานขายมาขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ , 2. Retail Delivery ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าผ่าน Grab mart , Food panda และมีแผนส่งสินค้าผ่าน Line Man , 3. Beauty Affiliate เปลี่ยนลูกค้ามาช่วยขาย  เป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ลดภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ในวงกว้างและไม่มีข้อจำกัด ซึ่งบริษัทเชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต

            – ช่องทางอีคอมเมิร์ซ( E-Commerce) เพิ่มความสามารถการนำเสนอสินค้า โดยสามารถซื้อขายผ่านเว็บไซต์ของบริษัทและระบบแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ ( Market Place Platform ) ชั้นนำต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งพัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างระบบอีคอมเมิร์ซให้มีประสิทธิภาพ วางเป้าหมายรุกตลาดออนไลน์ ด้วยกลยุทธ์ O2O และพันธมิตร ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในปี 2564 ที่ 100 ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วน 12.5 % ของรายได้

– ขยายตลาดต่างประเทศเชิงรุก บริษัทปรับเปลี่ยนช่องทางการจัดจำหน่ายในต่างประเทศจาก Shop Model ไปสู่ Distributor Channel  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยายตลาดทั้ง Offline และ Online โดยมุ่งเน้นรุกตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อเนื่อง

อีกทั้งบริษัทมีแผนพัฒนาโมเดลการขายในต่างประเทศใหม่ “Product License” เพื่อความสะดวกในการพัฒนาสินค้าใหม่และการบริหารจัดการตลาดในประเทศจีน เพราะเล็งเห็นว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มีโอกาสทางธุรกิจสูง โดยร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีนพัฒนาสินค้าใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง จำนวน 10  items โดยในปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว 5 items และในปีนี้จะออกสินค้าเพิ่มอีก 5  items ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ตามกลยุทธ์ Re-newเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจากช่องทางจำหน่ายร้านค้าทั่วไป  ( General Trade )เช่น คอนวีเนียนสโตร์ โมเดิร์นเทรดต่างๆ และช่องทางออนไลน์ที่เป็นอีคอมเมิรซ์ เพิ่มประสิทธิภาพการขายนอกจากนั้นได้ขยายจำนวนสินค้าใหม่ๆเข้าไปจำหน่ายในต่างประเทศผ่านช่องทาง Cross Border E-Commerce อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2563 บริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายแล้วจำนวน 10 Platforms และในปีนี้มีแผนเจรจาเพิ่มจำนวน Platform ต่อเนื่อง เช่น Aikucun Platform และ Mogujia Platform.

3. พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ (Re-model) : อยู่ในช่วงของการปรับปรุงและพัฒนาโมเดลการขายใหม่ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกันช่องทางการขายและสินค้าระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์  อาทิ  Direct to customer (D2C) หรือ call center บริษัทเริ่มจัดตั้งทีม call center ซึ่งจะเป็นผู้นำเสนอขายสินค้าและให้คำปรึกษา ความรู้เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและความงามควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้บริษัทเพิ่มโมเดลการขายใหม่ คือ Affiliate Program เป็นโปรแกรมที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนจากลูกค้าเป็นคู่ค้าให้บุคคลทั่วไปที่สนใจนำสินค้าของบริษัทไปขายในช่องทาง Social Media ของตนเองได้ โดยไม่ต้องสต๊อกสินค้า ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องยุ่งยากส่งสินค้าเอง อยู่ที่ไหนก็ขายสินค้าได้  ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มรายได้สำหรับคนทั่วไปที่มีงานประจำทำอยู่แล้วแต่ต้องการหารายได้เสริมและเป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มรายได้สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 คาดการณ์ว่าจะสามารถเริ่มได้ภายในไตรมาส 1 2564

                สำหรับภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอางปี 2564 คาดว่ายังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับความงาม สุขภาพและผิวพรรณต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงผู้บริโภคทั้งในประเทศและในระดับนานาชาติ  

            “ธุรกิจ BEAUTY ยังมีโอกาสในการเติบโตจากการปรับกลยุทธ์ในด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง และการสร้างช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ การได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายประเทศจีนและประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่องเป็นสัญญาณที่ดี สินค้า BEAUTY ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนและประเทศเขตเอเซีย”นายแพทย์สุวิน กล่าว

บสย. คว้ารางวัลเกียรติยศ “สถาบันการเงินแห่งปี 2563” จากเครือดอกเบี้ย

 “เครือดอกเบี้ย” ประกาศมอบรางวัลเกียรติยศ Bank of the Year 2020 สถาบันการเงินแห่งปี 2563   แก่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) หรือ Thai Credit Guarantee Corporation (TCG) หลังจากพิสูจน์ผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดตลอดปี 2563  “บสย.” ซึ่งหมายถึงคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ได้ทุ่มเททำงานอย่างหนัก ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019

ผลงานที่โดดเด่นในปี 2563  ได้แก่ ผลการดำเนินงานด้านยอดค้ำประกันสินเชื่อ  5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) 100,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 28 ปี  และปิดยอดค้ำประกันสินเชื่อทั้งปี 2563 วงเงิน 141,888.89 ล้านบาท (เฉลี่ย 0.85 ล้านบาท/ราย) ช่วยผู้ประกอบการ SMEs 166,419 ราย  โดยยอดค้ำประกันเพิ่มขึ้น 57% เทียบกับปี 2562 สูงกว่าเป้าหมาย 41.2% จากเป้าที่วางไว้ 100,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดสินเชื่อใหม่ในระบบกว่า 162,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บสย.ยังโดดเด่นในด้านการบริหารจัดการภายใน ซึ่งมาจากการปรับกระบวนการทำงานภายใน บสย. ส่งผลทำให้เกิดความรวดเร็วในกระบวนการในการอนุมัติหนังสือค้ำประกันสินเชื่อ จากเฉลี่ยวันละ 500 ฉบับ เป็นวันละ 2,000 ฉบับ การออกมาตรการเร่งด่วน  ได้แก่ มาตรการพักการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันนานสูงสุด 12 เดือน มาตรการขยายเวลาการค้ำประกันในโครงการ PGS5 – PGS7 นานสูงสุด 5 ปี และโครงการประกันสินเชื่อ “บสย.SMEs สร้างไทย” โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี วงเงินค้ำประกันสูงสุด 30 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาค้ำประกันสูงสุด 10 ปี โดยยังได้พัฒนาเครื่องมือ Financial Health Check ซึ่งเป็น Credit Scoring ให้ SMEs สามารถตรวจสอบสุขภาพทางการเงินได้ด้วยตัวเอง และการยกระดับ “คลินิกหมอหนี้” จัดตั้งเป็น ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F. A. Center) เพื่อการยกระดับการให้บริการผู้ประกอบการ SMEs “จากนายประกันสู่ที่ปรึกษาทางการเงิน”

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวถึงรางวัลเกียรติยศนี้ว่า “ในปี 2563 บสย.ผนึกกำลัง ร่วมแรงกันออกแบบผลิตภัณฑ์การค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ SMEs ธุรกิจรายย่อย รวมถึงกลุ่มอาชีพอิสระ เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้ครอบคลุม เราปรับกระบวนการทำงาน เร่งหารือ ทำความเข้าใจกับพันธมิตร ระหว่างนั้น มีการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ของเพื่อนพนักงานอย่างไม่หยุดตลอดปี ทุกคนทุกระดับเข้ารับการอบรมเพื่อก้าวให้ทันโลก นำหน้าการเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นเพื่อนคู่คิดของ SMEs ในภาวะวิกฤตอย่างแท้จริง วันนี้ เรารู้สึกขอบคุณและภาคภูมิใจที่มีคนเห็นความตั้งใจทุ่มเทของพวกเราที่จะเป็นเครื่องจักรหลักในการพยุงเศรษฐกิจของประเทศ” การมอบรางวัลเกียรติยศในปีนี้  แม้ บสย.จะไม่ได้เป็นธนาคารตามชื่อรางวัล โดยเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ที่ไม่ใช่ธนาคาร แต่ก็ถือเป็นสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ที่มีบทบาทในฐานะผู้เติมเต็มช่องว่างทางการเงิน ลดปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs ที่มีหลักประกันไม่พอ นับเป็นการเกื้อหนุนภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจไม่แพ้ธนาคาร จึงได้ขยายนิยาม Bank หรือธนาคาร ให้ครอบคลุมถึง บสย. ด้วย สอดคล้องกับที่ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป ได้บอกถึงภารกิจของ บสย. เหมือนเป็น “นายธนาคารข้างถนน” ที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก

Thai Union Partners with GC to Raise Awareness About Infectious Waste Separation in Samut Sakhon Province

Thai Union Group PCL has joined with PTT Global Chemical PCL or GC in the ‘How to Manage Infectious Waste’ (‘How to Yeak’) Project to raise an awareness on the risks of infectious waste and the need for such waste to be properly separated and disposed of to better ensure safety for communities in Samut Sakhon Province.

“This latest wave of the COVID-19 pandemic in Thailand has resulted in the increase of infectious waste from items used to protect us from the virus, such as face masks,” said Dr. Kongkrapan Intarajang, CEO of PTT Global Chemical PCL, or GC.

“GC initiated the ‘How to Yeak’ Project by collaborating with governmental agencies and partners on infectious waste management, while providing knowledge on proper infectious waste separation and management in order to prevent the spread of the virus. “Important tools for this project are 120-liter red step-open trash cans for infectious waste separation and red trash bags for infectious waste collection. These bags are made from high-quality InnoPlus plastic resins that are durable with moisture protection, and help reduce the spread of the virus, are safe to be stored, and are carbon footprint certified,” he added.

Mr. Thiraphong Chansiri, CEO of Thai Union, added that the health and safety of all Thai Union employees as well as the people in the communities where its business operates remained the company’s top priority. “We are aware that infectious waste must be carefully separated before being gathered for treatment or disposal, especially during the current COVID-19 pandemic.

Thai Union remains committed to partnering with both the public and private sectors to help ensure safety, security and health. “We are proud to be part of this project and would like to thank GC as our partner in sustainability. We will also use this opportunity to encourage our employees to learn more of waste separation and proper infectious waste management, not only at work, but also in their daily lives,” Mr. Chansiri concluded.

ไทยยูเนี่ยน จับมือกับ GC เดินหน้าสร้างความตระหนักเรื่องการคัดแยกขยะติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาคร

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จับมือกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ในโครงการฮาวทูแยก..แยกอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องถึงความเสี่ยงของขยะปนเปื้อนที่ต้องการคัดแยกและการทิ้งอย่างถูกวิธี เพื่อช่วยให้เกิดความปลอดภัยในชุมชนจังหวัดสมุทรสาคร

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ ทำให้เกิดขยะมูลฝอยติดเชื้อ จากการใช้ป้องกันไวรัส COVID-19 จำนวนมาก”

“GC เป็นผู้ริเริ่มในการประสานกับภาครัฐและพันธมิตร จัด โครงการฮาวทูแยก..แยกอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ เพื่อการบริหารจัดการขยะติดเชื้อ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางแบบครบวงจร พร้อมทั้งให้ความรู้เรื่องการคัดแยกและจัดการขยะมูลฝอยติดเชื้ออย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ โดยมีอุปกรณ์สำคัญได้แก่ ถังขยะสีแดงแบบลดการสัมผัส ด้วยการใช้เท้าเหยียบในการเปิดตัวถัง ความจุ 120 ลิตร สำหรับคัดแยกขยะมูลฝอยติดเชื้อ และถุงขยะสีแดงสำหรับใส่ขยะมูลฝอยติดเชื้อ ซึ่งผลิตจากเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง InnoPlus มีความทนทาน แข็งแรง เหนียว ป้องกันความชื้น ลดการแพร่กระจายเชื้อ ปลอดภัยต่อการจัดเก็บขยะ และได้รับการรับรอง Carbon Footprint”

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว “สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานไทยยูเนี่ยนทุกคน ตลอดจนชุมชนในพื้นที่ที่เรามีการดำเนินธุรกิจอยู่ยังคงเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดของเรา เราตระหนักดีว่า ขยะติดเชื้อต้องมีการคัดแยกอย่างระมัดระวังก่อนรวบรวมเพื่อบำบัดหรือกำจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน”

ไทยยูเนี่ยนยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อช่วยให้เกิดความปลอดภัย ความมั่นคง และสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น “เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และขอขอบคุณ GC ในฐานะพันธมิตรด้านความยั่งยืน เราจะใช้โอกาสนี้ในการส่งเสริมให้พนักงานของเราเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแยกขยะและวิธีการจัดการขยะติดเชื้ออย่างเหมาะสม ไม่เพียงแต่ในสถานที่ปฏิบัติงานเท่านั้นแต่ยังรวมถึงในชีวิตประจำวันของพวกเขาอีกด้วย” นายธีรพงศ์กล่าวสรุป

IVL remains on track to deliver its 2021-2023 strategy that will double EBITDA and deliver double digit ROCE by 2023

Indorama Ventures Public Company Limited, a global chemical producer, hosted its annual IVL Capital Markets Day 2021 announcing its strategic progresses.Highlights are as follows:

Our Platforms. People. Systems – prepared for growth

Despite the challenges of 2020, IVL’s vertically-integrated and multi-regional platforms have proven resilient on the back of strong volume growth and prudent capital management to maintain strong operating cash flows. Impact on demand and spreads across segments largely temporary and expected to make a strong recovery along with the economy.

In addition, the management team has used 2020 to ‘prepare for growth’ by re-organizing the business, building strong leadership teams at every vertical and enabling the teams with strong support systems (e.g. centers of excellence, shared services, one ERP).

Olympus transformation ahead vs. first year plan

Execution of the company’s cost saving transformation project, called Olympus, is off to a strong start as IVL is ahead of first year plan by 25%+. Encouraged by internal assessment and outperformance, we have increased our Project Olympus ambition to deliver $610M impact by 2023 (vs. $350M announced last year), comprising of 2,500+ Cost Transformation and Business Full Potential initiatives.

Segment strategies refreshed

Each segment has refreshed its strategy to reflect the changing macro environment, higher ambition from transformation, opportunity to harness the ‘One IVL’ advantage and new growth and adjacency opportunities.

Leader in Sustainability and Circular Economy

IVL remains committed to ESG and continues to be recognized by rating agencies as a leader in the Chemicals Industry. In addition, IVL is on track to meeting its 2025 global commitment on recycling

Strong Financial Performance expected

IVL expects to double its EBITDA and deliver double-digit ROCE by 2023. In doing so, IVL will generate healthy cash flows to meet its capital management goals, invest in value accretive attractive projects, sustain its dividend policy to reward shareholders and continuously de-leverage its balance sheet from 1.46 to 0.6x

Mr. Aloke Lohia, Group CEO of Indorama Ventures, said, “Despite a challenging year, 2020 has given me even more conviction in our businesses. Through the pandemic, we have strengthened our platforms, empowered our people and advanced our systems agenda, therefore positioning ourselves well to take advantage of opportunities in the recovery, to unlock the full potential of IVL and to ready the company for the next era.”